วันอาทิตย์, พฤษภาคม 5, 2024
หน้าแรกHighlightคำต่อคำ“บิ๊กตู่”แจงเหตุเข้า“รทสช.” สัมพันธ์“บิ๊กป้อม”ไม่มีใครลบล้างได้
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

คำต่อคำ“บิ๊กตู่”แจงเหตุเข้า“รทสช.” สัมพันธ์“บิ๊กป้อม”ไม่มีใครลบล้างได้

“ประยุทธ์” ร่ายยาวเผยเหตุผลเข้าสังกัด “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ยืนยันเตรียมการมามากพอสมควร ก็จะได้สบายใจกัน ลั่นสัมพันธ์ “บิ๊กป้อม” ไม่มีใครลบล้างได้ และก็สุดแล้วแต่ประชาชนจะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร

วันที่ 23 ธ.ค.65 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อน เป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2565 โดยเดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเอง มีความยาว 24 นาทีว่า วันนี้ทราบดีว่าทุกคนให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมือง และหลายพรรคการเมืองก็ออกมาเคลื่อนไหวกันเยอะแยะไปหมด และก็เห็นว่าทุกคนอยากทราบว่า นายกรัฐมนตรีจะไปอย่างไรต่อไป วันนี้จากสถานการณ์ที่ได้ติดตามมาตลอดเวลาที่ผ่านมา และเห็นถึงความเคลื่อนไหวของหลายพรรคการเมืองมีการเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค

“ที่ผ่านมาก็พยายามพิจารณาในเรื่องต่างๆ ด้วยหลักการและเหตุผลต่างๆมากมายหลายประการ วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ได้เสนอมาแล้วว่า ยินดีสนับสนุนนายกฯคือผม ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไป ให้เกิดความเสียหายหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งผมก็เคยบอกแล้วว่า ในช่วงที่ผ่านมา ผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการตกลงใจที่จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้แล้วกัน ซึ่งความจริงก็ได้เตรียมการมาพอสมควรแล้วว่า จะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะได้สบายใจกันและก็สุดแล้วแต่ประชาชนก็แล้วกันว่า จะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร สิ่งที่ผมต้องตัดสินใจแบบนี้ เพราะว่าเพราะสิ่งหลายๆ อย่างที่ผมได้ทำไว้มาอย่างต่อเนื่องหลายปี ที่ผ่านมานั้นก็น่าจะได้มีการสานต่อ ถ้าหากว่าผมสามารถอยู่ได้ในระยะเวลาตามที่กำหนด ในระหว่างนั้นก็จะได้สานต่อในสิ่งที่ยังค้างคา ยังไม่สำเร็จและยังมีปัญหาอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 4 ปีแรก และ 4 ปีหลัง ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ระยะแรกจะเป็นรัฐบาลไม่ปกติก็ตาม ในการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีการเสนอชื่อก็เป็นวาระที่สอง ที่ผ่านมานายกฯเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายและดูแลทุกพื้นที่ ซึ่งในความเป็นจริงก็ดูแลทุกพรรค จะเห็นได้ว่าแผนงานโครงการต่างๆ ลงไปทุกจังหวัด ไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นของใคร และหลายจังหวัดที่นายกฯลงพื้นที่ไป ก็ไม่ได้มี ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาล คือพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนตน แต่ก็พร้อมลงไป อย่างวันก่อนที่ไปจังหวัดเชียงรายก็ไม่ได้มี ส.ส.ของรัฐบาลสักคน แต่ตนก็ไปให้ เพราะตนมองประชาชนเป็นหลัก ขณะเดียวกัน ส.ส.ทุกคน ต้องถือว่าเป็นตัวแทนของราษฎรที่คัดเลือกเข้ามา อะไรที่ตนทำให้ได้ อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ก็นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จัดสรรงบประมาณลงไปให้ แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอด และไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

“ผมยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์แม้แต่เพียงเล็กน้อย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการปรึกษาในเรื่องดังกล่าวกับพล.อ.ประวิตรหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ได้กราบเรียนท่านไปนานแล้ว ว่าผมอาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง ก็กราบเรียนกับท่านไปหลายครั้งแล้ว จนครั้งสุดท้ายได้ตัดสินใจไปแล้ว และคุยกับท่านแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น อันนี้เป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไปตามการเมือง ตามระบบประชาธิปไตยก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่า ถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้จากกันไปไหนนี่ ก็ยังคงพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกัน มันลึกซึ้ง ลึกซึ้งยิ่งกว่า และผมก็จบมา ก็อยู่ในการดูแลของท่าน และท่านก็เป็นผู้บังคับบัญชาของผมคนแรก ในการที่ผมจบจากโรงเรียนในร้อยไปแวะรับราชการตั้งแต่ร้อยตรี จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการ มาจนถึงวันนี้ ความผูกพันอันนี้มันไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกันและท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็ได้บอกท่านว่า ท่านจะได้สบายใจ เพราะว่าท่านมีแรงกดดันมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่า จะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็น่าจะต้องคงสมัคร ส่วนจะสมัครได้เป็นทางการเมื่อไหร่นั้น อย่าเพิ่งถาม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ตอนนี้ก็เห็นว่ายังมีคนเดียว แต่อย่าพึ่งไปถามอะไรล่วงหน้าเลย อย่าถามนี่ไปนั่นไปโน่นไปเรื่อย แล้วจะตอบได้อย่างไรเล่า

เมื่อถามว่า จะยังคงจับมือทางการเมืองกับพล.อ.ประวิตร ต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง มันขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ประชาชนจะเลือกใครเข้ามา วันนี้ยังไม่มีใครรู้ ถึงเวลานั้น สถานการณ์การเมืองที่เรียกว่าการจับคู่ทางการเมือง ใครจะเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนครั้งที่แล้ว ก็จะมีพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงมารวมกันได้และมากกว่า ก็จะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ครั้งที่แล้วตนก็มาอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

พล.อ.ประยุทธ์ประกาศชัดเจนเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

เมื่อถามว่า วันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีได้ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มตัวใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “ยังไม่ชัดอีกหรือ ทำไมต้องถามย้ำกันอีก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า การตัดสินใจคนนี้ครอบครัว สนับสนุนเต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็เข้าใจกันละนะ เขาเข้าใจว่า ผมทำเพื่ออะไรนะ”

เมื่อถามว่า ถือเป็นการท้าทายหรือไม่ ในการที่โดดลงมาทำพรรคเองในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รวมไทยสร้างชาติมีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว หัวหน้าพรรคเขาก็ทำและดำเนินการทางการเมืองของเขาอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดก็จะต้องคุยกันว่า สิ่งใดที่รัฐบาลนี้ได้ทำไว้ ก็คงจะต้องเป็นการสานต่อไปสู่อนาคตอย่างมั่นคงยั่งยืน ไม่ใช่แค่ผิวเผินหรือเป็นนโยบายที่จับต้องไม่ได้ ถ้าประกาศว่าจะทำนั่นทำนี่ ก็ต้องดูว่าทำได้จริงหรือเปล่า ถ้าบอกว่าจะให้นี่ให้โน่น ก็ต้องดูว่าจะมีเงินจากที่ไหน หาเงินได้อย่างไร ซึ่งตนก็พยายามทำในเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสี่ปีแรกและสี่ปีหลัง ตนพยายามหารายได้เข้าประเทศ เพราะก็รู้อยู่ว่าจะต้องดูแลประชาชนให้ได้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดก็ต้องมีกติกาพอสมควร มากน้อยเพียงไร ก็จะต้องไม่ให้เกิดภาระ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราพยายามระมัดระวังในการใช้งบประมาณ แต่โชคไม่ดีที่เราเจอกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งวิกฤติสงคราม ซึ่งมีผลกระทบกระเทือนไปทั้งหมด รัฐบาลก็พยายามบริหารให้ดีที่สุด ถ้าเปรียบเทียบกับหลายประเทศ ถือว่าเราทำได้ดี ฐานะการเงินการคลังก็ยังดีอยู่ แต่แน่นอนว่าย่อมมีความเดือดร้อนบ้าง ก็ต้องหาวิธีการแก้ไขไป วันนี้เรายังมีโอกาสอีกมาก ก็ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่าขัดแย้งกัน ถ้าเรามัวแต่เอาชนะคะคานกัน ทะเลาะและขัดแย้งกัน ทุกอย่างก็จะกลับสู่ที่เดิมทั้งหมด

“ยืนยันว่าผมพยายามจะทำบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้ได้มากที่สุด และดีที่สุด แต่ทั้งหมดผมทำคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนทุกภาคส่วน ซึ่งก็ต้องมีหลักคิดว่า จะทำอย่างไร จะเลือกใคร และจะเลือกได้อย่างไร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกพรรคการเมือง ในการเลือก ส.ส.ก็คือ ท่านก็ต้องมองดูว่า จะได้ใครเป็นนายกฯล่ะ ท้ายที่สุดก็อยู่ตรงนี้ อย่างที่บอกเมื่อเลือกตั้งมาแล้ว ท้ายที่สุดก็ต้องมารวมคะแนนเสียงกัน เพื่อให้เป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ใครได้มาก็เป็นรัฐบาล และผู้ที่ถูกเสนอชื่อก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญที่สุด ก็ขอให้คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุและผลมีหลักคิด”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า “ถ้าสมมติว่าอยากได้นู่นนี่ แต่เกินขีดความสามารถของรัฐบาล เกินขีดความสามารถของงบประมาณที่มีอยู่ มันก็จะเดือดร้อน ประเทศจะเสียหาย ก็ขอให้คิดให้ดี เพราะมีประโยชน์โดยรวมและประโยชน์ของแต่ละกลุ่มแต่ละอาชีพ เราก็ต้องเฉลี่ยการใช้จ่ายเงินให้ดี ที่ผ่านมานายกฯก็ใช้หลักการเหล่านี้บริหารงานมาโดยตลอด หลายอย่างก็ดีขึ้น แต่หลายอย่างก็ยังคงประสบปัญหา ซึ่งมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรอบด้วย ที่จำเป็นต้องพูดในวันนี้ เพราะเกรงว่า ถ้าไม่พูด ก็จะเกิดไปกันเรื่อย วิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ได้ตัดสินใจแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐในการสนับสนุนให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา เราไม่ใช่ศัตรูกัน”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ภายในสภาที่ยังไม่สามารถ จะพิจารณากฎหมายต่อไปได้ จะแก้ปัญหาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดไปแล้ว ว่าเป็นเรื่องของส.ส. ซึ่งนายชวนได้พูดแล้วว่า ส.ส.ที่มาอยู่ในสภา กรุณาแสดงตนด้วย ถ้ามาแล้วไม่แสดงตน ไม่ออกเสียง ไม่ลงมติ แล้วจะหมายความว่าอย่างไร ท่านได้ทำหน้าที่ของพวกท่านหรือเปล่า แล้วตนจะไปบังคับเขาได้หรือไม่ ในเมื่อตนก็ได้ขอร้องกันไปแล้ว ทั้งหัวหน้าพรรค ก็ฝากไปแล้ว วิปรัฐบาลก็พยายามไปเชื่อมต่อกับเว็บของแต่ละพรรค ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่ปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้นอีก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือการที่พวกท่านได้กล่าวว่า ตนเองเป็นส.ส. ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ของท่าน เมื่อไหร่ที่ท่านทำหน้าที่ ก็ต้องเข้าไปในสภา แต่ถ้าเข้าไปแล้วไม่แสดง ตนจะเข้าไปทำไม ขอให้มองกันแบบนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการอะไรเลยสักอย่าง อำนาจมันต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ แล้ววันนี้โลกเปลี่ยน ฉะนั้นการใช้อำนาจต้องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำได้ ทุกอย่างตนดูแลทั้งหมด ทั้งเรื่องงบประมาณ แผนงานโครงการ เพราะตนเป็นผู้กำหนดนโยบาย และให้มีการตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วก็นำสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกกระทรวงต้องผ่านตนทั้งสิ้น จะเห็นว่าตนไม่ได้ไปกีดกันใคร และทำให้เกิดความก้าวหน้าของประเทศมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าพรรคนี้ให้ พรรคนั้นตนไม่ให้ พรรคนั้นให้มากกว่าพรรคนี้ ไม่ใช่ ทุกอย่างมีนโยบายไว้อยู่แล้ว ยุทธศาสตร์ชาติก็มีอยู่แล้ว ถ้ามีเงินพอ มีกระบวนการที่ถูกต้องก็ทำไปหลักการของตนคือตรงนี้

นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ก็จะเห็นว่าทุกกระทรวงมีผลงานหมด แล้วมันไม่เกี่ยวกับตนเลยเหรอ ก็ตนเป็นคนเริ่มนโยบาย ตนเป็นคนกำหนดกรอบ และอนุมัติงบประมาณโดยนำเข้าครม. พิจารณาในการคณะกรรมการ ตนไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว ตนไม่ได้สั่งทำนี้ทำโน้น ตนสั่งอย่างนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดข้อครหาเหมือนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นอำนาจตน มันไม่ได้มากมาย ตนใช้เพียงแต่อำนาจตามกฎหมาย อำนาจตามระเบียบปฏิบัติต่างๆ กรรมการต่างๆมีการคัดกรอง บางอย่างอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ไม่ใช่อำนาจนายกฯด้วย เมื่อเขาทำผ่านมาก็ต้องรับผิดชอบ แต่ผลงานที่ออกมาตอนต้น ที่ตั้งใจไว้ทำโครงการ ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร ซึ่งคณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจและให้ทราบเท่านั้นเอง จึงอยากให้เข้าใจระบบงานบริหาร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉะนั้นหลายคนที่ออกมาพูดนี้ พูดโน้น ท่านไม่ได้พูดในเชิงบริหารกันเลย แล้วท่านจะทำได้จริงหรือเปล่า ตนห่วงตรงนี้ แล้วถ้าทำไม่ได้ ก็จะเกิดปัญหาอีก เรื่องความมั่นคงปลอดภัย การพัฒนาประเทศ มันก็หยุด ก็มาอยู่ท่ามกลางความขีดแย้งอีก เพราะฉะนั้นยืนยันว่า ตนทำเพื่อประเทศไทยและร่วมมือกับทุกพรรค ในหลายพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งท่านก็ทราบว่า หลายจังหวัดเป็นพื้นที่ของส.ส.ของฝ่ายค้าน ตนก็ให้งบประมาณลงไป ลองไปเปรียบเทียบดูงบประมาณที่ผ่านมาหลายปีของตน เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้มา เหมือนกันหรือไม่ และเกิดอะไรขึ้นในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด

ฉะนั้นการจะให้คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ มันต้องเป็นธรรม ทำไมตนถึงไม่อยากจะให้ล่ะ แต่ทั้งนี้ตนต้องระมัดระวัง งบกลางที่ตนเป็นห่วงกังวล ก็ไม่ได้ใช้อย่างเละเทะ ใช้อย่างระมัดระวังที่ที่สุดแล้ว ก็ต้องระมัดระวังต่อไป เพราะเรายังมีเวลาอยู่ ที่ต้องใช้งบประมาณตรงนี้สำรอง เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน งบกลางซึ่งที่ผ่านมา ในการพิจารณางบกลางก็มีการตัดไปจำนวนมาก โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงก็มีปัญหา ทั้งที่เป็นงบประมาณในส่วนของเขาเอง สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมงบประมาณให้เพียงพอ เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ และในช่วงที่ผ่านมา ต้องอย่าลืมสถานการณ์ที่ผ่านมา สถานการณ์หนักที่สุดคือเรื่องโควิด-19 ด้านเศรษฐกิจ และวันนี้ดีขึ้นเพราะใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ นายกฯก็เป็นผู้นำในการแก้ปัญหา ในการตั้งศบค.ขับเคลื่อนหน่วยงานต่างๆในการทำงาน จนถึงวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้หมายความว่า ตนเป็นคนเก่งที่สุด ไม่ใช่ แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด ในการขับเคลื่อน และวันนี้อยากฝากด้วยว่า กรุณาทำความเข้าใจประชาชนทั้งหมด ขอให้ได้รัฐบาลที่ดีๆ เถอะ ตนไม่ได้อ้างถึงตนนะ ขอให้ได้รัฐบาลที่ดีๆ แบบที่ซื่อสัตย์สุจริตและทำในสิ่งที่เป็นไปได้ และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในส่วนที่ว่าจะมีคดีความอะไรต่างๆ ก็ค่อยว่ากันไป เพราะตนมีนโยบายอยู่แล้ว สั่งงานทุกครั้ง เรื่องการอนุมัติต่างๆ ทุกอย่างต้องทำด้วยความสุจริตโปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามระเเบียบกฎหมาย โดยเฉพาะสำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ฯ เป็นหน่วยงานราชการ ตนไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนด้วย การใช้จ่ายงบประมาณต้องระมัดระวังอย่างที่สุด การจะให้อะไรต่างๆ ต้องคำนึงถึงงบประมาณ สำคัญที่สุดว่าจะเอางบประมาณจากไหน ทั้งนี้ตนไม่ว่าอะไร รายหัวเท่าโน้นเท่านี้ วันนี้เราใช้งบประมาณส่วนนี้ดูแลประชาชน เรื่องพื้นฐานเยอะมาก หลายคนบอกว่า จะรวยเท่ากันไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ในโลกใบนี้ ฉะนั้นอยู่ที่การพัฒนได้อย่างไร นี้คือสิ่งที่รัฐบาลหน้า หรือรัฐบาลไหนใครเป็นก็ตาม น่าจะต้องทำแบบนี้ ไม่สร้างภาระ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกฯกล่าวว่า การที่กู้เงินมา รัฐบาลอยากกู้หรือไม่ ก็เงินไม่พอ เงินไม่มี แล้วกู้มาทั้งหมดเพื่อทำอะไร เพื่อดูแลวัคซีน ยา การรักษาพยาบาล ดูแลภาคธุรกิจต่างๆ เท่าที่สามารถให้ได้ ดูแลภาคธุรกิจไม่ให้ล้ม ดูแลแรงงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินที่ใช้ ตนไม่ได้มาใช้ส่วนตัวสักบาท เฉพาะฉะนั้นไม่อยากให้ฟัง และวิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อยเปื่อยทุกเรื่อง เห็นใจประเทศของเรากันเองบ้าง นี้คือประเทศของเรา ถ้าเราแตกแยกกันอยู่อย่างนี้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย วันนี้ตนจำเป็นต้องพูด เพราะตนดูแล้วว่ามันแรงขึ้นทุกวัน เราต้องค่อยๆลดระดับ ลดอุหภูมิตรงนี้ให้มากที่สุด เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า อนาคตทางการเมืองชัดเจนแล้ว รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม หรือจะมีการยุบสภาฯก่อน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เคยบอกไปแล้วว่า วันนี้ยังมีหลายอย่าง หลายปัญหาที่ต้องดำเนินการอยู่ เพราะฉะนั้นก็ดูจังหวะเวลา ก็แล้วกัน ยังไงก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายนั่นแหละ รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การย้ายพรรคก็ต้องดูไม่ให้มีปัญหา ซึ่งคงต้องหารือกับฝ่ายการเมืองกับพรรคใหม่อะไรด้วย และพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ต้องไปสู่การเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพได้ส.ส.ที่ดี ตนไม่ได้ว่าใครไม่ดี และเมื่อได้ส.ส.ดีเข้ามา ท่านก็จะฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลได้ และท่านจะได้นายกฯที่ท่านต้องการ ตนก็ไม่ได้ยืนยันว่าต้องเป็นตนตลอดไปเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกหรือไม่ เลือกอย่างไร เพียงแต่วันนี้ไม่อยากให้โจมตีกันไปกันมา จนเสียหาย จะเห็นว่าตนก็รักษามารยาทเต็มที่กับทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ตนก็รักษามารยาทตน เพราะเขาเสนอตนมาในครั้งที่แล้ว แต่วันนี้เขาเปิดตัวกันแล้ว ตนจึงจำเป็นต้องพูดวันนี้ เพื่อจะได้เลิกการสับสนอลม่านซักที เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ช่วงนี้ขออย่างเดียว ขอบ้านเมืองสงบ จะได้เลือกตั้งได้ ให้คนได้มีเวลาคิด ในสิ่งที่สร้างสรรค์ ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในสิ่งที่มันควรจะเป็น นี้แหละคือปัญหาของพวกเราอย่างเดียวเท่านั้นเอง เรามีความพร้อมทุกอย่าง ถ้าเรานำพาประเทศในทางที่ถูกต้อง ที่มันดีงามในการที่สุจริต โปร่งใส ประเทศไทยไม่น้อยหน้าใครท้ังสิ้น หลายอย่างเราปรับแก้ไปแล้ว กรุณาให้ความสนใจด้วย ทั้งเรื่องระเบียบ วิธีการ กฎหมายต่างๆ มันถึงเกิดงานได้ แต่ก็ยังมีอีกเยอะที่ต้องทำต่อ อันนี้ถ้าตนไม่อยู่ก็ต้องฝากคนใหม่ทำไป ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทำหรือไม่ ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน

เมื่อถามว่า การเข้าไปอยู่พรรครวมไทย จะเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดตรงนั้น

เมื่อถามว่า การเข้าไปสมัครเป็นสมาชิก ยังไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเขากำหนดมาเอง

เมื่อถามถึงกรณีตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ไม่เกี่ยวกัน เขาทำงานกับตนอยู่แล้ว ไม่ได้มองการเมืองอย่างเดียวหรอก
 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img