“อนุชา” เมินนโยบายหวือหวาแจกเดี๋ยวก็หมด ฟุ้งโคล้านครอบครัวตอบโจทย์ระยะยาว มั่นใจกระแส “บิ๊กตู่” ดีขึ้นติด 1 ใน 3 ทุกโพล เร่งมือกวาดส.ส.หลักร้อยให้ได้ตามเป้านายกฯ
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.2566 นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้สมัคร ส.ส.ชัยนาท เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเลือกตั้งว่า สโลแกนของพรรคที่ว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” 1 ในสิ่งที่ “ทำอยู่” ขณะนี้คือ นโยบายโคล้านครอบครัว เพราะสามารถเปลี่ยนชีวิตลูกหลานคนไทยจากแรงงานไปสู่ผู้ที่มีความร่ำรวยได้ ภายใน 6 ปีจะสามารถทำเงินล้านได้จากโคเพียง 2 ตัว และถ้าตามสูตร 10 ปี จะมีเงิน 7 ล้านบาท เป็นนโยบายโคที่คิดแบบคณิตศาสตร์ เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่ไม่สามารถผิดไปจากนี้ และหลังจากทำโครงการนำร่องที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ 5 พันล้านบาท เมื่อเดือนมี.ค.66 มีกระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน เนื่องจากใช้เงินน้อยมาก แต่สามารถผลิตเงินได้อีกจำนวนมาก เรื่องโคถือเป็นบ่อน้ำมันในประเทศ ต้องดึงศักยภาพมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมาเราเจริญ แต่รายได้คนไม่เคยตามทัน
เมื่อถามว่า ขณะนี้คนไปโฟกัสกันที่นโยบายลด แลก แจก แถม นายอนุชา กล่าวว่า ไม่เป็นไร ตนไม่แคร์เลย และไม่ขอตำหนินโยบายใคร แต่มั่นใจว่าโคล้านครอบครัว ตอบโจทย์ประเทศในระยะยาว จึงอยากให้ทุกคนมองว่า หากเป็นการแจกเงิน เดี๋ยวมันก็หมด ไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตคน เป็นเพียงแค่เงินที่เอามากระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เสร็จแล้วก็หมดไป
เมื่อถามว่า หากมีประชาชนถามว่าแล้วก่อนหน้านี้ทำไมจึงไม่ทำ นายอนุชา กล่าวว่า เมื่อก่อนโครงการโคล้านครอบครัวไม่มีใครฟัง ได้ยินมา 20 ปีแล้วแต่ไม่มีใครฟัง ดังนั้น ที่ตนมาอยู่ตรงนี้เพราะสามารถทำนโยบายได้ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบว่าไปได้
เมื่อถามว่า กระแส รทสช.ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายอนุชา กล่าวว่า ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ที่มีคะแนนของท่าน และอยู่ 1 ใน 3 ของโพลมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนพูดถึงนโยบายในเชิงสร้างสรรค์ เพราะประเทศจะอยู่ได้ แต่หากยังเหมือนเดิม จมอยู่กับการเมือง จมอยู่กับการลงถนน ไม่ตอบโจทย์ประเทศหรอก
“ขณะนี้พรรคกำลังเตรียมการเรื่องการลงพื้นที่และเรื่องเวทีปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้เราไม่สามารถประเมินได้จะได้ 100 ที่นั่ง แต่ที่ พล.อ.ประยุทธ์หวังไว้ก็เป็นร้อย เราพยายามมุ่งเป้าที่จะทำให้ได้ตามจำนวนนั้น”นายอนุชา กล่าว
