“อดีตบิ๊กศรภ.” โชว์ “นันทเดชโพล” ฟันธง “ลุงตู่” กลายเป็นพระเอกแบบไม่ตั้งใจ หลังสารพัดโพลชู “ก้าวไกล-เพื่อไทย” มาแน่ๆ เชื่อ 3 วันสุดท้ายคนอายุเกิน 50 จะเทใจลงคะแนนหนุน “ลุงตู่” เป็นตัวแทนสู้
เมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง “นันทเดช โพล” มีเนื้อหาว่า…ปัจจุบันนี้ มีหน่วยงานหลายหน่วย ที่ทำงานใกล้ชิดประชาชนได้ทำโพลเหมือนกัน และยังแม่นยำอีกด้วย แต่เปิดเผยชื่อไม่ได้ เช่น โพลของ มท. ตำรวจ และ กลุ่ม อสม. เป็นต้น
ผมก็เลยลองเอาบางส่วนมาสรุปย่อๆให้อ่านกัน ลองพิจารณา
ดูกันเองนะครับ
ปัจจุบัน ชัยชนะจากการทุ่มเททำทุกรูปแบบ ทางสื่อออนไลน์ ที่เหนือกว่าทุกพรรค จึงทำให้พรรคก้าวไกลมีคะแนนนิยมดีขึ้น แต่กระแสนี้กลับไม่มีผลในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนการต่อสู้ของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ภาคอีสาน แบบส.ส.เขต นั้น พรรคก้าวไกลจะได้คะแนนดีขึ้น แต่ก็ยังแพ้พรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย ที่อยู่กับชาวบ้านมานานกว่ามาก
ส่วนการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งมีได้แค่ร้อยคนเท่านั้น ส.ส.คนหนึ่งต้องได้ เสียงประมาณ 4 แสนเสียง ดังนั้นถ้าพรรคก้าวไกลได้เสียงสนับสนุน 6 ล้านเสียงเท่าเดิม จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่ 15 คนเท่านั้น ในแง่นี้เมื่อรวม ส.ส.ทั้งหมด พรรคก้าวไกลจึงไม่น่าจะมีคะแนนเสียงเกิน ลำดับที่ 4
พรรคเพื่อไทย จะมีส.ส.แบบแบ่งเขต มากกว่าทุกพรรคแน่นอน แต่คะแนนเสียงที่ได้จะไม่ชนะมากเหมือนเดิม เพราะถูกพรรคก้าวไกล และพรรคคุณหญิงหน่อย เข้ามาแย่งคะแนนเสียงบางส่วนไป ซึ่งอาจเป็นผลทำให้คู่แข่ง คือพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสแทรกขึ้นมาชนะแบบพลิกล็อก ได้ในหลายพื้นที่
นอกจากนั้นทางภาคใต้ พรรคเพื่อไทยก็แทบหมดโอกาสที่จะได้ส.ส. เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล ดังนั้นโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนสูงมากแบบแลนด์สไลด์จึงเป็นไปได้ยากมาก
ทางด้านพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น มีอดีตส.ส.ที่มีรัศมีในตัวเอง จำนวนน้อยไม่เกิน 15 คน แต่โชคดีที่การหาเสียงของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ทำให้คนไทยต้องคิดมาก ว่า “ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม” และยังยกเอา “ลุงตู่ ขึ้นมาเป็นคู่ต่อสู้สำคัญ” อีกด้วย จนกลายเป็นผลทำให้ “ลุงตู่” เด่นขึ้นมากว่าทุกๆ คน ลุงตู่จึงเสมือนกับเป็นตัวแทนของฝ่ายตรงข้าม พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ไปโดยไม่ตั้งใจ
ในช่วง 3 วันสุดท้าย พรรครวมไทยสร้างชาติจึงน่าจะได้คะแนนนิยมจากคนไทยที่อายุเกิน 50 ปีขึ้นไปเป็นจำนวนมาก และอาจเป็นเหตุทำให้เกิดการลงคะแนนแบบยุทธศาสตร์สนับสนุน “ลุงตู่” ขึ้นมาได้ไม่ยากนัก
เรื่องนี้ถ้าเกิดเป็นจริง ก็โทษใครไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล เองที่ไปทำให้ “ลุงตู่” กลายเป็น พระเอก ขึ้นมาได้แบบไม่ตั้งใจ
การหาเสียงทุกแบบมีทั้งได้และเสียครับ ดังนั้น อย่าคึกคะนองเกินไป จนถึงขนาด เอาพม่ามาด่าคนไทยด้วยกันเอง ไม่ควรทำเด็ดขาด
