‘หญิงหน่อย’ ลุยตลาดละลายทรัพย์ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ไทยสร้างไทย เผย MOU 8 พรรคร่วมเป็นเรื่องหลักในการทำงานร่วมกัน
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ตลาดละลายทรีพย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พร้อมด้วยน.ต.ศิธา ทิวารี แกนนำพรรค ลงพื้นที่พบปะพ่อค้าแม่ขาย พี่น้องประชาชนย่านสีลม โดยถือโอกาสขอบคุณผู้ที่สนับสนุนพรรคและฝ่ายประชาธิปไตย โดยหลายคนได้เข้ามาให้กำลังใจ เพื่อขอให้จัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยให้สำเร็จ พร้อมมอบดอกไม้เข้าคิวขอถ่ายภาพจำนวนมาก ทั้งยังได้ถือโอกาสนี้มอบของกินของใช้ ให้คุณหญิงสุดารัตน์ และน.ต.ศิธา เพื่อเป็นการแสดงออกและแสดงความขอบคุณ ในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ในช่วงที่ผ่านมา
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคะแนนเสียงทั้งที่เลือกพรรค ทสท. และไม่ได้เลือกพรรค ทสท. วันนี้ได้ลงพื้นที่ตลาดละลายทรัพย์อีกครั้ง เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะมุ่งมั่นทำงานโดยเฉพาะการฟังปัญหาจากผู้ประกอบการต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อหาแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุดอีกครั้ง
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ส่วนเอ็มโอยูในการจัดตั้งรัฐบาลพรรค ทสท. ได้มอบหมายให้ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ค.) เพื่อเพิ่มเติมนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายที่พรรค ทสท. เตรียมผลักดัน ดูแลคนไทยทุกคนตั้งแต่เกิดจนแก่ เช่น บำนาญประชาชน 3,000 บาท การพักใช้ใบอนุมัติใบอนุญาต ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน 1,400 ฉบับ เพื่อให้ประชาชนสามารถลุกขึ้นมาทำมาหากินได้ทันที
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ส่วนการจัดโผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่สื่อมวลชนมีการคาดการณ์กันนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ทสท. อาจถูกพิจารณาให้กลับมานั่งรมว.สาธารณสุขอีกครั้งนั้น ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการพูดคุย เราจะเริ่มต้นพูดคุยนโยบายก่อน ดังนั้นขอให้รอทุกอย่างมีความชัดเจน เพราะตอนนี้เป็นเพียงการคาดเดาจากสื่อมวลชนเท่านั้น
ด้าน น.ต.ศิธา กล่าวว่า ในเอ็มโอยูมีข้อสรุป 8 ข้อพรรค ทสท. ไทย ไม่ได้ติดขัดอะไร เพราะส่วนใหญ่มีแนวคิดที่ใกล้เคียงกัน เช่น การขึ้นค่าแรง และการสมรสเท่าเทียม ส่วนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังไม่ถูกบรรจุไว้ในเอ็มโอยู เนื่องจากเป็นรายละเอียดปลีกย่อย ดังนั้นในเอ็มโอยูจึงจะเขียนเป็นหลักการที่ทุกพรรคการเมืองเห็นพ้องต้องการว่าต้องการผลักดันเท่านั้น
น.ต.ศิธา กล่าวว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องมาตรา 112 ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล เพราะจะเป็นขั้นตอนที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้งไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เน้นว่าทุกพรรคการเมืองจะต้องเห็นพ้องต้องกันหรือไม่ หากไม่มีการหยิบยกประเด็นนี้มาพูดคุยพรรค ทสท. ก็จะไม่มีข้อเสนอใดๆ แต่หากมีการหยิบยกปัญหาเรื่องของข้อบังคับมาใช้ก็ต้องใช้วิจารณญาณ และการพูดคุยกันของสภาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือไม่อย่างไร ซึ่งพรรค ทสท. มีความชัดเจนว่าหากมีการยกเลิกมาตรา 112 ไม่เอาเด็ดขาด หากมีการแก้ไขและทำให้สถาบันอ่อนแอลง ถูกวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดความเสื่อมเสียเราก็ไม่สนับสนุนเช่นกัน.
