วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกNEWS“สนธิญา” ยื่นกกต.สอบพิธา ถือหุ้นสื่อขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สนธิญา” ยื่นกกต.สอบพิธา ถือหุ้นสื่อขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่

สนธิญา” ยื่นกกต.สอบพิธา ถือหุ้นสื่อขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่อีกรอบหลังถูกตีตก ชี้มีสิทธิเข้าข่ายครอบงำทำพรรคถูกยุบ  

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องต่อกกต. ขอให้ตรวจสอบว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ และการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิก หัวหน้าพรรคก้าวไกลและกรรมการบริหารพรรค ถือหุ้นไอทีวี จะเข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่อีกครั้ง หลังจากที่กกต.ได้มีการยกคำร้องไป   โดยนายสนธิญา กล่าวว่า ตนตรวจสอบไม่เจอว่าข้อบังคับพรรคก้าวไกล มีการกำหนดลักษณะต้องห้ามเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้หรือไม่ แต่หากกำหนดเห็นว่าจะทำให้เป็นเหตุให้ความเป็นสมาชิกพรรคของนายพิธา ซึ่งถือหุ้นไอทีวีสิ้นสุดลง และนายพิธา ก็จะเข้าข่ายเป็นบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการชี้นำ ครอบงำการดำเนินการของพรรคก้าวไกล ตามมาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นเหตุให้กกต.สามารถยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลได้ตามมาตรา 92(3) ของกฎหมายเดียวกัน

“ผมไม่แน่ใจเพราะค้นไม่ได้ว่ากรณีของข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นของสมาชิกหรือหัวหน้าพรรคไว้หรือไม่อย่างไร  แต่ผมหยิบเอาประเด็นที่เลขาธิการป.ป.ช.ได้แถลงและยืนยันว่านายพิธา ซึ่งมีนามสกุลเดียวกับยายของผมคือแซ่ลิ้ม ได้ยื่นแจ้งบัญชีทรัพย์สินเกี่ยวกับการถือหุ้นมาตั้งแต่ปี 62 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปี 62 และเท่าที่ผมทราบนายพิธาถือมาตั้งแต่ปี 50 จึงร้องมาที่กกต. ว่าการที่นายพิธาถือหุ้นไอทีวีมาตั้งแต่ปี 50 แล้วมาแจ้งการถือหุ้นในปี 62 นั้น เป็นกระทำที่ขัดต่อข้อบังคับพรรคหรือไม่ เพราะจะพัวพันถึงพ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 28 มาตรา 29 ที่เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคก้าวไกล” นายสนธิญา กล่าว

นายสนธิญา กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ศาลอุทธณ์ มีคำพิพากษาได้ยกคำร้องกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิ่มโทษตนให้สูงขึ้นในคดีฟ้องหมิ่นประมาท และกรณีฟ้องว่าตนยื่นเอกสารเท็จจากการที่ตนยื่นตรวจสอบน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตส.ส. แล้ว จึงอยากให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำคำพิพากษาของศาลฯไปเผยแพร่ในเฟซบุ๊กของท่านเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ตนด้วย และขอที่จะดำเนินการเอาผิดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตามกฎหมายอาญา ฐานกลั่นแกล้งตน และประมวลจริยธรรมส.ส. เพราะขณะที่พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ดำเนินการกับตนนั้น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เป็นส.ส. เป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย รวมถึงประธานกรรมาธิการป.ป.ช.ของสภาผู้แทนราษฎร  โดยจะรอดูว่า พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ จะยื่นอุทธรณ์คดี หรือไม่ก่อน

ส่วนที่ตนยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีนโยบายหาเสียงกระเป๋าเงินดิจิตอล 1 หมื่นบาท และกรณีมีนโยบายถมทะเลสมุทรสาครเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร  ของพรรคเพื่อไทยเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญาตรา 258 ก.( 2) (3) หรือไม่ว่าขณะนี้ได้รับแจ้งแล้วว่าผู้ตรวจการแผ่นดินรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img