วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกNEWS“นิกร”ยกอนุทำประชาติแก้รธน.พบกมธ.พัฒนาการเมือง สภาฯ “พริษฐ”เผยตั้งอนุฯศึกษาระบบเลือกส.ส.ร.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นิกร”ยกอนุทำประชาติแก้รธน.พบกมธ.พัฒนาการเมือง สภาฯ “พริษฐ”เผยตั้งอนุฯศึกษาระบบเลือกส.ส.ร.

“อนุทำประชาติแก้รธน.พบกมธ.พัฒนาการเมือง สภาฯหารือออกแบบคำถามประชามติ “พริษฐ” เผยตั้งอนุฯศึกษาระบบเลือกส.ส.ร.ทั้งระบบ ด้าน “นิกร” พอใจสองฝ่ายเห็นตรงกันอยากแก้รธน.หวั่นปชช.ออกมาใช้สิทธิ์ไม่ถึงกึ่งหนึ่ง

เมิ้อวันที่ 2 พ.ย.66 เวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะอนุกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่มีนายนิกร จำนง ประธานคณะอนุฯเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ นายพริษฐ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธานกมธ. โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อหารือเกี่ยวกับการออกแบบคำถามในการทำประชามติ แบบใด และครอบคลุมทุกประเด็น

จากนั้นเวลา 15.15 น.นายพริษฐ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เนื่องจากทางคณะอนุฯต้องการเดินสายในการรับฟังความคิดเห็นของแต่ละภาคส่วนเกี่ยวกับกระบวนการการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการทำประชามติที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อย้ำว่าการพูดคุยครั้งนี้เป็นการพูดคุยกับตนและกรรมาธิการไม่ใช่พูดคุยกับสมาชิกพรรคก้าวไกล เพราะทางอนุฯจะเข้าพูดกับพรรคก้าวไกลในวันที่ 14 พ.ย.นี้อยู่แล้ว โดยทางคณะอนุฯได้แจ้งว่าต้องการจะทำแบบฟอร์มเพื่อสอบถามความเห็นสส.ทั้ง 500 คนเกี่ยวกับประเด็นต่างๆในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เห็นด้วยหรือไม่กับการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หรือเห็นอย่างไรกับการทำสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง รวมไปถึงปัญหาที่สส.มองว่ารัฐธรรมนูญปี 60 สมควรที่จะแก้ไข โดยการออกแบบคำถามจะต้องมีการเปิดกว้างเพียงพอให้สส.สามารถแสดงความเห็นและเจตนารมย์ของตัวเองได้ ซึ่งทางคณะอนุฯก็จะนำความเห็นที่ได้แลกเปลี่ยนกันวันนี้ไปพิจารณา และปรับปรุงชุดคำถามเพิ่มเติม

นายพริษฐ กล่าวต่อว่า ทางกมธ.ได้มีการตั้งอนุกรรมาธิการ 1 ชุดจำนวน 10 คน ประกอบด้วยฝ่ายการเมือง 4 คน โดยแบ่งเป็น 2 คนจากฝ่ายค้านรวมตนด้วย และอีก 2 คนจากฝ่ายรัฐบาล อีก 3 คนเป็นนักวิชาการ และอีก 3 คนเป็นตัวแทนจากภาคประชาชน 3 กลุ่ม ที่ขับเคลื่อนเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยจะเริ่มประชุมนัดแรกในวันที่ 3 พ.ย. ทั้งนี้อนุกรรมาธิการฯจะมาศึกษาระบบเลือกตั้งส.ส.ร. หากอยู่ภายใต้กรอบของส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เราสามารถออกแบบระบบเลือกตั้ง และทางเลือกอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้เป็นระบบเลือกตั้งตอบโจทย์ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความนิยมของประชาชน เรื่องความหลากหลายทางวิชาชีพ กลุ่มสังคม รวมถึงมีพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามามีส่วนร่วมด้วย และเมื่ออนุฯศึกษาระบบเลือกตั้งเสร็จทั้งหมดก็จะนำรายงานและข้อเสนอส่งไปให้กับคณะกรรมการศึกษาฯของรัฐบาล เพราะก่อนหน้านี้มีข้อกังวลว่าหากส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด อาจจะมีข้อกังวล ก็หวังว่ารายงานชุดนี้จะคลายข้อกังวลดังกล่าวได้ และทำให้รัฐบาลมีข้อมูลครบถ้วนมากขึ้นว่าจะเดินหน้าด้วยการมีส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่

ด้านนายนิกร กล่าวว่า การหารือในวันนี้ได้ความเห็นที่ดีมากจากรรมาธิการฯ แต่จะมีประเด็นที่จะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่หลายส่วน ซึ่งในแต่ละข้อที่อาจเป็นคำถามเฉพาะของสส.ก่อนเพราะเป็นโหวตเตอร์ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงเล็กน้อย เช่นเดิมเรามีการตั้งคำถามว่าตามนโยบายของรัฐบาล การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเว้นหมวด 1 หมวด 2 แต่ทางคณะกรรมาธิการฯให้ความเห็นว่าถ้าไม่เว้นหมวด 1 หมวด 2 จะมีคำถามหรือไม่ ซึ่งเราก็รับไปและจะต้องไปคุยในคณะกรรมการฯอาจจะต้องมีคำถามขึ้นมากก็เป็นได้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องที่เห็นแย้งกันอยู่คือเรื่องส.ส.ร.วันนี้ได้ข้อสรุปว่า โดยจะถามว่ามีส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งหรือไม่ และให้มีหรือไม่ ส่วนจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไร ก็อาจจะต้องยกไว้ก่อนเพราะมีคำถามในเชิงลึก อาจจะให้คณะกรรมาธิการฯที่ตั้งโดยสภาฯในอนาคตเป็นผู้พิจารณาว่าจะทำอย่างไร

นายนิกร กล่าวว่า ในที่ประชุมยังได้มีการพูดถึงแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าอยากจะแก้ทั้งสองฝ่ายที่เห็นไปในทางเดียวกัน ซึ่งก็จะพยายามและได้มีการพูดคุยที่นอกเหนือจากคำถามคือความเป็นไปได้ หลักการในทางการเมือง ซึ่งเป็นการทำความเข้าใจกัน โดยทางคณะกรรมาธิการฯจะตั้งคณะอนุกรรมาธิการฯเพื่อที่จะทำงานกันอย่างใกล้ชิด จะได้หารือกันในคำตอบสุดท้าย ที่จะนำไปสู่คำถามที่มีต่อประชาชน

นายนิกร กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีความกังวลเกี่ยวกับการทำประชามติ ซึ่งในที่ประชุมก็ได้มีการพูดคุยกันโดยส่วนตัวเห็นด้วยเพราะรู้อยู่แล้วว่าการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของทั้งหมดไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแรงจริง หากเสียงไม่ถึงแต่ทุกคนหวังจะแก้ก็แก้ไม่ได้เลย เพราะประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ซึ่งทางคณะอนุ และชุดที่ศึกษาเห็นว่าเราจะแก้ไปก่อนโดยใช้กฎหมายปัจจุบัน เพราะเดี๋ยวจะหาว่าเตะถ่วง แต่เห็นด้วยที่จะให้ทางกมธ.พัฒนาการเมืองไปยกร่าง เพราะอาจจะต้องปรับปรุงกฎหมายประชามติ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ใช้เกี่ยวกับสัดส่วน การถามว่าจะต้องถามกี่ครั้ง เพราะครั้งหนึ่งต้องใช้งบประมาณถึง 3 พันล้านบาท ซึ่งการทำประชามติอาจจะมีเรื่องอิเลคทรอนิกส์มาด้วยหรือไม่ อาจจะต้องฝากกมธ.ไปพิจารณา

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img