วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกHighlight“พิธา”ย้ำ“สละเจตนาถือครองหุ้นไปแล้ว” พ้นข้อหาคดีไอทีวีพร้อมกลับไปทำหน้าที่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พิธา”ย้ำ“สละเจตนาถือครองหุ้นไปแล้ว” พ้นข้อหาคดีไอทีวีพร้อมกลับไปทำหน้าที่

“พิธา” ลั่นถ้าพ้นข้อกล่าวหาคดีหุ้นไอทีวี พร้อมทำหน้าที่สส.ทันที และหวังได้รับความเป็นธรรม หลังเจ้าไต่สวนพยาน

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารับการไต่สวนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (ผู้ร้อง) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) โดยเขาให้ข้อมูลกว่า 2 ชั่วโมงว่า เป็นไปตามที่ได้คาดหวังไว้และพอใจ ซึ่งได้มีการไต่สวนครบทุกประการ ในรายละเอียดตนไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ เพราะจะกลายเป็นการละเมิดศาล แต่ในข้อเท็จจริงตามที่สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอกันนั้นมี การยุติการประกอบการของไอทีวี ส่วนการเป็นผู้จัดการมรดกของตนก็ได้มีการไต่สวนจากศาลและฝ่ายกฎหมายของผู้ร้องและผู้ถูกร้องอย่างครบถ้วน 

เมื่อถามว่า มีการประเมินน้ำหนักข้อมูลหลักฐานทางฝ่ายตนและผู้ร้องหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ตนชี้นำไม่ได้ แต่ที่พอจะพูดได้ก็คือตนรู้สึกพอใจ เป็นไปตามที่หวังไว้ทุกประการ ขั้นตอนต่อจากนี้จะเป็นการนัดฟังคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญส่วนจะเป็นวันไหนนั้นต้องรอข้อมูลแจ้งจากทางศาล ทั้งนี้ตนไม่ได้คาดหวังอะไรจากทางศาล แต่ก็มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม คำพิพากษาที่ออกมาก็หวังว่าจะได้กลับไปทำหน้าที่รับใช้ประชาชน อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าการถือหุ้นไอทีวีเป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ใช่ถือหุ้นในฐานะทายาทโดยชอบธรรม เพราะตนได้สละเจตนาไปแล้วก่อนพรรคอนาคตใหม่ และมีการแบ่งปันมรดกกัน ส่วนรายละเอียดคงตอบมากกว่านี้ไม่ได้

เมื่อถามว่า มีการมองว่าถึงไอทีวีจะไม่ได้ทำสื่อแล้วแต่ก็สามารถกลับมาทำสื่ออีกได้นั้น นายพิธา กล่าวว่า ถ้าตามเอกสารต้องดูที่ประธานไอทีวีเคยพูดคุยกันในการประชุมผู้ถือหุ้นในปี 2558-2560 ส่วนในรายละเอียดถามนายคิมห์ สิริทวีชัย ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี น่าจะเหมาะสมกว่า ตนพูดแทนไม่ได้ แต่ตามเอกสารที่ออกมาก็จะจะเห็นว่ามีการยุติการประกอบธุรกิจตั้ง 2550 และคลื่นก็ไปอยู่ที่ไทยพีบีเอส ส่วนใบอนุญาตไม่มีแล้ว เพราะฉะนั้นการจะกลับมาประกอบกิจการเดิมก็ยังมีเรื่องคดีความเดิมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) ที่ศาลปกครองสูงสุด ส่วนเมื่อพ้นข้อกล่าวหาพร้อมที่จะกลับมาทำงานการเมืองทันทีเลยหรือไม่ “แน่นอน”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img