‘พิพัฒน์’เผย 1 ม.ค.67ขึ้นค่าแรงอีก 2-16 บาท เตรียมตั้งอนุไตรภาคีศึกษาเชิงลึกปรับเกณฑ์ขึ้นค่าจ้างใหม่
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.รับทราบมติคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ (ไตรภาคี) ที่กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 ซึ่งปรับขึ้น 2-16 บาท และให้มีผลภายในวันที่ 1 ม.ค.2567 จากนั้นจะมีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นรอบที่ 2 ในเดือน เม.ย.2567 ซึ่งตนได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้วว่าคณะกรรมการไตรภาคีจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 17 ม.ค.2567 เพื่อพิจารณาสูตรคำนวณเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำรวมถึงจะตั้งคณะอนุกรรมการไตรภาคีมาทำหน้าที่ศึกษาลงรายละเอียดในรายวิชาชีพและรายระดับอำเภอ หรืออาจแบ่งย่อยไปถึงระดับเทศบาล เพราะการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นรายจังหวัดเป็นการสะท้อนภาพความเป็นจริงบางส่วน ซึ่งในบางจังหวัด เขตเทศบาลเมืองหรือบางอำเภอมีเศรษฐกิจ แต่พื้นที่อื่นๆที่เหลือเข้าสู่สังคมชนบท ไม่ได้มีสภาพเศรษฐกิจที่ดีเท่ากับพื้นที่ตัวเมือง จึงจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไตรภาคีศึกษาในรายละเอียด
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการไตรภาคีจะขอข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาอีกครั้ง และหลังจากคณะอนุกรรมการดังกล่าวมีการประชุมกันแล้ว จะส่งเรื่องเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการไตรภาคีชุดใหญ่ที่จะมีการประชุมในเดือนมี.ค.2567 เพื่อจะนำไปสู่การประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำสิ้นช่วงเดือนมี.ค.2567 เพื่อให้มีผลตั้งแต่เดือน เม.ย.2567 เป็นของขวัญแก่ประชาชนในช่วงปีใหม่ไทย
นอกจากนี้ จากกรณีดังกล่าวจะเป็นตัวชี้วัดได้ว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำไม่จำเป็นทำปีละ 1 ครั้ง แต่สามารถทำได้ 2 ครั้ง ขณะเดียวกัน ตนมั่นใจว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นรายอาชีพ หรือแยกเป็นรายพื้นที่นั้นจะสามารถสะท้อนความเป็นจริงของพื้นที่และสาขาวิชาชีพ ซึ่งบางพื้นที่หรือบางสาขาวิชาชีพมีค่าจ้างที่สูงกว่าปัจจุบันนี้ ขณะที่บางพื้นที่อาจคงเดิม แต่ตนมั่นใจว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ชุมชนเมืองต้องดีกว่าที่ประกาศในวันนี้อย่างแน่นอน
