วันอาทิตย์, เมษายน 28, 2024
หน้าแรกNEWS“บิ๊กป้อม”โวผลงาน“พปชร.”ร่วมรัฐบาลยกระดับคุณภาพชีวิต กินดีอยู่ดีของปชช.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กป้อม”โวผลงาน“พปชร.”ร่วมรัฐบาลยกระดับคุณภาพชีวิต กินดีอยู่ดีของปชช.

“พล.อ.ประวิตร” กางผลงาน”พปชร.” ร่วมผลักดันนโยบายพรรคถึงมือปชช. ผ่านงานบริหาร 3 กระทรวงหลัก ยกระดับคุณภาพชีวิต กินดีอยู่ดี แปลงเอกสารสิทธิ์ เป็นโฉนดที่ดิน แก้ปัญหาฝุ่นก่อนคลอดกฎหมายบังคับใช้ ส่งสส. นำปัญหาท้องถิ่น ผ่านกลไกสภาฯ สู่การแก้ไขอย่างเร่งด่วนทุกพื้นที่

เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.66 นายอรรถกร ศิริลัทยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในการเข้าร่วมบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้าร่วมบริหารงานภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน มาครบ 3 เดือน มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายของพรรค ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ในการพัฒนาประเทศ ที่ล้วนมุ่งเน้นยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติ ให้อยู่ดีกินดี โดยเฉพาะการสานต่อนโยบายเรื่องที่ทำกิน การยกระดับราคาสินค้าเกษตร การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน การดูแลสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการยกระดับสุขอนามัยขั้นพื้นฐานให้ประชาชนเข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ พปชร. ได้เข้าไปสนับสนุนการดำเนินงานผ่านทางกระทรวงหลักทั้ง 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการผลักดันนโยบายตามที่พรรคพลังประชารัฐได้ให้คำมั่นสัญญาไว้กับประชาชนในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง จนมาถึงการทำงานร่วมรัฐบาล สามารถดำเนินการประสบความสำเร็จในหลายเรื่อง ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงการดูแลในด้านต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในมาตราการสำคัญๆ อาทิการเดินหน้าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้ลดลง ได้กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ในการนำเสนอ พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีสาระสำคัญกำหนดกลไกในการบริหารจัดการและควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่ส่งผลให้สามารถลดมลพิษทางอากาศในทุกมิติ โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ในการตรวจสอบความถูกต้อง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก่อนส่งกลับมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา และนำเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภาต่อไป

ขณะเดียวกันมีการทำงานในด้านการป้องกัน เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหา ร่วมกับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงมหาดไทย ที่ต้องดำเนินมาตรการลดฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิด ทั้ง ยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงการควบคุมการเผาป่า การเผา วัสดุทางการเกษตร เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนระบบการผลิตของภาค การเกษตร และการจัดการพื้นที่ป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมถึงการสร้างมาตรการ ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาหมอกควันข้ามแดน เพื่อ สุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนคนไทย

นอกจากนี้ยังมีแผนรับมือกับปัญหาภัยแล้ง ขับเคลื่อนผ่านกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล บริหารจัดการแหล่งน้ำต้นทุนให้ เพียงพอต่อความต้องการการใช้น้ำของประชาชน มีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำใน แม่น้ำสายหลัก สร้างความเข้าใจกับประชาชนในการวางแผนการใช้น้ำที่มีอยู่อย่างเหมาะสม และแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่วิกฤต พร้อมมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัย แล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กว่า 47 โครงการ 48 แห่ง เพื่อแก้ไขปัญหา ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่วิกฤตภัยแล้งรุนแรงได้มีน้ำกินน้ำใช้อย่าง มั่นคงและยั่งยืน

การดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ผลักดันนโยบายสำคัญ การสานต่อนโยบายเปลี่ยนพื้นที่เอกสารสิทธิ์ส.ป.ก. 4-01 เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ทำให้ประชาชนได้มีหลักประกัน ในการประกอบอาชีพที่มั่นคง ได้เริ่มดำเนินการเปิดให้เกษตรกร ใช้สิทธิ์ยื่นลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ ขอออกโฉนดเพื่อการเกษตร ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ขณะนี้มีเกษตรกร ได้ยื่นเจตจำนงเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีเกษตรกรถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 จำนวน 1.6 ล้านราย ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของพรรค ที่ต้องการให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงสิทธิ์ และแหล่งเงินทุนมากขึ้นเพื่อให้มีรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงการผลักดันการช่วยเหลือเยียวให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 เพื่อการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และคุณภาพผลผลิต โดยให้เงินอุดหนุน 1,000 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน หรือไม่เกินครัวเรือนละ 20,000 บาท ซึ่งมีเกษตรกรกว่า 4.68 ล้านครัวเรือนที่ได้รับการเยียวยา ในมาตรการดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังได้มีมาตรการ ปราบปรามสินค้าเกษตรเถื่อน เข้าไปตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศ โดยเป็นห้องเย็นด้านปศุสัตว์ 2,437 แห่ง ด้านประมง 2,062 แห่ง มีการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมปราบปรามยางพาราผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่ผ่านมาได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรจากต่างประเทศ เป็นจำนวนมาก พร้อมป้องปรามการกระทำผิดในอนาคต โดยจะขยายผลให้ครอบคลุมสินค้าเกษตรอื่นๆ ทั้งพืชและประมงเพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการแก้ปัญหากลไกตลาดทั้งระบบอย่างยั่งยืน ให้เกษตรกรได้ลืมตาอ้าปาก มีรายได้ที่มั่นคง รวมทั้งประชาชนได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยอีกด้วย

การดำเนินงานด้านสาธารณสุข ได้ผลักดันด้านการส่งเสริมสุขภาพ การบริการเข้าถึงระบบสาธารณสุขระดับชุมชนทั่วประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาใช้บริการในเมือง เพื่อลดความแออัดในการรักษาของโรงพยาบาลภาครัฐได้อย่างมีคุณภาพ โดยมีเป้าหมาย ยกระดับมาตรฐานของ รพ.สต. ทั่วประเทศ ให้มีคุณภาพเทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หากเจ็บป่วย เข้ารับการวินิจฉัยและรักษาได้ที่ รพ.สต. ใกล้บ้านทุกแห่ง มีเทคโนโลยีช่วยเชื่อมต่อการรักษา จาก รพ.สต. ถึงโรงพยาบาลใหญ่ ให้มีบทบาทมากขึ้น ทั้งการคัดกรองโรคและส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก พร้อมจัดสรรงบประมาณลงสู่ชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างครบวงจร พร้อมสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลาน อสม. หรือเด็กในชุมชน ให้ได้เรียนแพทย์ เรียนพยาบาล เพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่พี่น้องในบ้านเกิดตามมาตรการเชิงรุกป้องกันก่อนป่วย และขยายหมอชุมชน หรือ อสม. ให้เพียงพอกับประชาชนในพื้นที่

สถานการณ์ปัจจุบันผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะได้รับการดูแลจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ผ่านมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาล แต่การทำให้ผู้สูงอายุยืนอยู่ในสังคมปัจจุบันอย่างภาคภูมิใจ เป็นเป้าหมายสำคัญเพื่อนำประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ โดยพรรค ได้ผลักดันให้เกิดการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุให้สามารถดำรงชีวิตประจำวันได้ด้วยตนเอง มีอายุยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงได้ และสามารถรับบริการด้านสาธารณสุขถึงที่บ้านได้อย่างสะดวกสบาย พร้อมทั้งวาระแห่งชาติส่งเสริมสตรีมีบุตร เพื่อเพิ่มประชากรให้ทันต่อการพัฒนาประเทศ

ส่วนการดำเนินงานด้านนิติบัญญัติ ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ผ่านกลไกของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั้ง 39 คนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนการทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยความมุ่งมั่นทำหน้าที่แทนประชาชนอย่างเต็มที่ โดย สส.ของพรรค ได้ร่วมเสนอกฎหมายเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ รวมถึงการทำหน้าที่กรรมาธิการในคณะต่าง เพื่อนำปัญหาของประชาชนในพื้นที่เข้าสู่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดย พปชร.ทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ มีวุฒิภาวะ เน้นใช้ข้อมูล สติปัญญามากกว่าวาทกรรม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img