“ผบ.ตร.” เข้าแจงกมธ.งบประมาณ 67 พ้อขาดแคลนกำลังพล กลุ้มยอดหนี้กำลังพล 3 แสนล้าน กำลังถูกฟ้องล้มละลาย ยืนยันตำรวจจงรักภักดี พร้อมทำงานถวายชีวิตคุ้มครองขบวนเสด็จฯ พร้อมนำมาเป็นบทเรียน
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.67 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 สภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณางบประมาณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 117,198,247,300บาท โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เข้าชี้แจงและตอบคำถามของกมธ.ด้วยตัวเอง โดยมีนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองประธานกมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ชี้แจงตอนหนึ่งต่อกมธ.ว่า วันนี้จะพูด ความรู้สึกและเปิดหัวใจกับพวกท่าน ยอมรับทุกคนคาดหวังการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนอยู่หน่วยปฏิบัติมาทั้งชีวิต เข้าใจทุกอย่าง ในฐานะผบ.ตร.ก็พยายามแก้ปัญหาให้ดีที่สุด ได้ไปตรวจโรงพักแห่งหนึ่งใกล้ๆ กทม.มีตำรวจเต็มอัตรา 200 คน แต่มีตำรวจจริงๆ 100 คน ต่อประชากร 400,000 คน และมีประชากรแฝงอีก 400,000 คน รวมตำรวจ 1 คนต่อประชากร 8,000 คน ถ้าไม่นับตำรวจสายธุรการและพนักงานสอบสวน คิดดูว่า ตำรวจต้องดูแลคนเท่าไร ช่วง 3 ปีที่เจอสถานการณ์โควิด-19 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้ผลิตข้าราชการตำรวจชั้นประทวน พนักงานสอบสวน ทำให้ขาดกำลังพลทดแทน การทำงานของตำรวจ ไม่ห่วงเรื่องตัวชี้วัด ตำรวจทุกคนจงรักภักดีทั้งหมด ทำงานถวายชีวิต เรื่องขบวนเสด็จตำรวจมีหน้าที่อำนวยการจราจรเส้นทางเสด็จและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบก่อน จะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียน ตำรวจไม่มีความคิดไปหว่านคดีมาตรา 112 ทำตามพยานหลักฐาน ให้ความยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องสงสัย อย่าไปทำให้เป็นเงื่อนไข ทุกอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ทั้งหมด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ทุกโครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบได้ สร้างความโปร่งใส ถ้ามีข้อสงสัยนิดเดียว ตนไม่เซ็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องทำงานให้ดี ไม่ต้องรอใครมาปฏิรูป เพราะกฎหมายใหม่กำหนดให้ตำรวจต้องทำงานอยู่ในกรอบหมดแล้ว ตำรวจต้องมีจิตวิญญาณความเป็นตำรวจทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน แต่การที่ตำรวจจะไปถึงจุดนั้น ต้องมีคุณภาพชีวิตดีด้วย แต่ทุกวันนี้ที่พักอาศัยยังไม่มี มีหนี้สินมากมาย 3แสนล้านบาท กำลังจะโดนฟ้องล้มละลายหลายคน เรื่องที่พักสวัสดิการ ตนพยายามของบประมาณสร้างแฟลตในส่วนกลาง ให้ทันสมัย เมื่อตำรวจมีสวัสดิการดีแล้ว จะได้มีใจดูแลประชาชน เราของบประมาณเข้ามา ผลสัมฤทธิ์ก็จะตกอยู่กับประชาชน นี่คือสิ่งที่อยากเปิดใจ ตนมีเวลาทำงานน้อยก็จริง แต่จะฝังเมล็ดพันธุ์ไว้ให้เติบโตต่อไป
