วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlight“ชวน”เฮ!! ศาลยกฟ้องคดีหมิ่น“ทักษิณ” ชี้มีสิทธิ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมา
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ชวน”เฮ!! ศาลยกฟ้องคดีหมิ่น“ทักษิณ” ชี้มีสิทธิ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมา

“ชวน” เฮ! ศาลยกฟ้องคดีหมิ่น “ทักษิณ” พูดถึงโจรกระจอก ชี้ในฐานะเป็นนักการเมือง อดีตนายกฯมีสิทธิ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ได้ประสบมา

วันที่ 26 มี.ค.2567 เวลา 9.00น. นายชวน หลีกภัย สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทนายความนายชวน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และคนในแวดวงการเมืองมาให้กำลังใจ อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนางผ่องศรี ธาราภูมิ เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ที่ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีอาญาที่ นายทักษิณ ชินวัตร ฟ้อง นายชวน หลีกภัย ข้อหาหมิ่นประมาท ต่อกรณีที่นายชวน หลีกภัย ได้บรรยายที่โรงเรียนการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี พ.ศ.2555 ได้กล่าวถึงนโยบายการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสมัยรัฐบาลทักษิณ และมีคำพูดเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด

หลังเข้าฟังคำพิพากษาประมาณ 1 ชั่วโมง นายชวนให้สัมภาษณ์ว่า ศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้สืบพยานกันมา 7 วัน ศาลนัดอ่านคำพิพากษาวันนี้ แต่ตนได้ขอแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนที่จะมีคำพิพากษา เพื่อสรุปข้อเท็จจริงที่ได้สืบพยานกันมา และในที่สุดศาลยกฟ้องด้วยเหตุผลว่า คำวิพากษ์วิจารณ์โดยตน ในฐานะจำเลย ที่เป็นนักการเมือง และอดีตนายกรัฐมนตรี มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่ประสบมา เนื่องจากในสำนวนได้มีการสืบพยานที่มาของคำพูด เช่นฆ่าตัดตอน การฆ่าทิ้ง โดยมีอดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 มาเบิกความให้ เพราะเป็นคนเดียวที่ร่วมประชุมรับมอบนโยบาย เมื่อวันที่ 8 เม.ย.2544 สมัยที่ นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีอันเกิดจากเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟหาดใหญ่วันที่ 7 เม.ย. และวันที่ 8 เม.ย. มีการพูดว่าคนร้าย มีไม่เกิน 7-8 คนที่เป็นหัวโจกจัดการเดือนละ10คน 2เดือนก็หมด เชื่อว่าตำรวจทำได้

ทั้งนี้ถือว่า รองแม่ทัพภาคที่ 4 ถือเป็นอีกบุคคลที่กล้ามาเบิกความ และเป็นคนเดียวในวันดังกล่าวที่กล้าติงในทำนองที่ไม่เห็นด้วย ได้บันทึกถ้อยคำเอาไว้ ซึ่งหากเชื่อภาคใต้เราคงไม่นองเลือดแบบทุกวันนี้ แต่ผลจากวันนั้นเป็นที่มาของ 4 มกราคม 2547 ที่มีการปล้นปืน กว่า 400 กระบอก ซึ่งเป็นเหตุร้ายจนนำมาสู่การมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากรวมถึง ผู้พิพากษา รวมแล้วกว่า 7,500 คน ซึ่งเป็นผลจากความผิดพลาดของนโยบาย ซึ่งนายทักษิณเคยยอมรับว่าผิดพลาด ทั้งนี้ศาลเห็นว่าตนในฐานะนักการเมืองและมีประสบการณ์ ในสำนวนปรากฏว่าตนได้ไปเห็นด้วยตัวเอง และเรื่องนี้ได้สืบพยานทั้งหมด ศาลเห็นว่าจากประสบการณ์จำเลย จึงมีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรบ้างที่คดีนี้ยาวนาน นายชวน กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือความจริง คงไม่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังความจริงจากผู้ที่มีส่วนร่วมประชุมในวันนั้นและเป็นคนเดียวที่กล้าติง คือรองแม่ทัพภาค 4 ซึ่งตนอยากให้จดจำบุคคลคนนี้เอาไว้ และขณะนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ คือพล.ท.เรวัตร รัตนผ่องใส ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการรื้อคดีความก่อนที่จะหมดอายุนั้น นายชวน กล่าวว่าตนไม่อยากให้ขาดอายุความ เพราะคดีมีเรื่องแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะโดนตำหนิได้ จึงต้องการให้สืบพยานให้จบ เพื่อคดีจะได้จบ และยุติโดยศาลเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจ

เมื่อถามว่า จะนำไปสู่ปัญหาไฟใต้อีกครั้งหนึ่งหรือไม่นั้น นายชวนกล่าวว่า ต้องรอดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความผิดพลาดของนโยบาย สร้างความสูญเสียมาก แต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน จะไปไกลขนาดไหน ต้องรอดูว่าเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วประมาณ 40 กว่าครั้ง ก็มองว่าคงไม่ธรรมดา

สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีหมิ่นประมาทหมายเลขดำ อ.1590/2565 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326,328

โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.55 เวลากลางวัน จำเลยหมิ่นประมาท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างการบรรยายในงานเปิดงานโรงเรียนการเมือง ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โรงแรมรามาดาพลาซ่า แม่น้ำริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร โดยมีข้อความเป็นการใส่ความผู้เสียหายทำนองว่า รูปแบบการปกครองทุกอย่างต้องพัฒนาไปข้างหน้า แต่ต้องยอมรับว่ารูปแบบการปกครอง ของประเทศไทยให้โอกาสมาก บ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งที่เราต้องทำ คนไทยมีศักยภาพ แต่เรามีจุดอ่อนที่นักการเมืองโกง ซึ่งมาจากธุรกิจการเมืองและอุปสรรคของประชาธิปไตย คือ การยึดอำนาจระบอบประชาธิปไตย อำนาจประชาธิปไตยจะใช้ผ่านองค์กร สถาบันทั้งนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และตุลาการ โดยมีการคานอำนาจซึ่งกันและกัน แต่เมื่อบ้านเมืองมีปัญหาจึงเกิด องค์กรอิสระขึ้นมา เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เมื่อระบบทักษิณเกิดขึ้น ก็ใช้วิธีการนอกกฎหมาย สําหรับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปัจจุบันเป็นเพราะนโยบายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประกาศว่าจะแก้ไขปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้หมดภายใน 3 เดือนนั้น ทั้งที่ขณะนั้นไฟใต้มอดแล้วในสมัยที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อนายทักษิณ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีกลับใช้คำว่า “โจรกระจอก” และมียกเลิกศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หันมาใช้นโยบาย “ฆ่าหมดก็จบตรงนี้คือที่มาของการนองเลือดในปัจจุบันนี้…”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img