วันอังคาร, เมษายน 30, 2024
หน้าแรกHighlight“ซูเปอร์โพล”ชี้การเมืองจะร้อนระอุสู่รุนแรง เผย 5 ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤต
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ซูเปอร์โพล”ชี้การเมืองจะร้อนระอุสู่รุนแรง เผย 5 ปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤต

ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ พายุการเมืองระอุ กับวิกฤติศรัทธา ชี้เหตุเกิดจาก 5 ปัจจัย แนะวิธีแก้โดยผู้นำทางการเมืองต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชน

เมื่อวันที่ 7 เม.ย.67 สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง พายุการเมืองระอุ กับ วิกฤตศรัทธากรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (QuantitativeResearch) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้นจำนวนทั้งสิ้น 1,178 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-6 เม.ย.67 ที่ผ่านมา

ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.0 มองว่า บรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 23.0 ระบุไม่เลย และเมื่อแบ่งออกตามเพศ พบว่า ชายส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรงมากกว่า หญิงที่มีอยู่ร้อยละ 74.8 ที่มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง เช่นกัน เมื่อแบ่งออกตามช่วงอายุ พบว่า

กลุ่มคนอายุระหว่าง 20 – 29 ปี ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.3 กลุ่มคนอายุระหว่าง 30 – 39 ปี ร้อยละ 88.1 กลุ่มคนอายุระหว่าง 40 – 49 ปีร้อยละ 68.3 กลุ่มคนอายุ 50 – 59 ปีร้อยละ 74.2 และกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 54.2 มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง

ที่น่าพิจารณาคือ เหตุปัจจัยที่ทำการเมืองร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ใน 5 อันดับแรก ได้แก่วิกฤตศรัทธาต่อ ผู้นำการเมือง ร้อยละ 84.8 กระบวนการยุติธรรม ล่มสลาย ร้อยละ 83.7 ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 66.3 ความเสื่อมศรัทธาต่อ องค์กรอิสระ ร้อยละ 50.6 และการยุบพรรคก้าวไกล ร้อยละ 48.9 ตามลำดับ

รายงานของ ซูเปอร์โพล ระบุว่า หากเปรียบเทียบข้อมูลผลโพลชิ้นนี้ กับ อุณหภูมิร้อนทางการเมืองย้อนกลับไปประมาณปลายปีที่ผ่านมาจะพบว่า บรรยากาศการเมืองร้อนระอุขึ้นมากสอดคล้องกับการรับรู้และความรู้สึกของประชาชนได้ที่น่าเป็นห่วงคือบรรยากาศร้อนระอุทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย เพราะเหตุปัจจัยสำคัญที่ประชาชนระบุมาในผลโพลนี้คือ วิกฤตศรัทธาต่อผู้นำการเมือง กระบวนการยุติธรรมล่มสลาย การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนล้มเหลว ความเสื่อมศรัทธาต่อองค์กรอิสระและการยุบพรรคก้าวไกล

รายงานของซูเปอร์โพล ระบุด้วยว่า ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำทางการเมืองทั้งหลาย เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชนและรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้จริง

โดยทำให้คนทั้งประเทศเห็นว่าทำงานอย่างหนักเกิดผลงานจับต้องได้ มีการลงพื้นที่เกาะติดพี่น้องประชาชนต่อเนื่องและลงซ้ำเพื่อติดตามผลคืบหน้าแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน และชุมชนในระดับพื้นที่ได้จริง เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อาจจะกลับไปกางเต็นท์ที่ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อดูว่าอดีตวันนั้นกับอาจสามารถโมเดลแก้จน กับวันนี้ในปัจจุบันแตกต่างไปอย่างไรบ้าง การลงพื้นที่อำเภออาจสามารถ ร้อยเอ็ดในอดีตทำให้เกิดการพัฒนาดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร หากทุกฝ่ายช่วยกัน ผลที่ตามมาคือบรรยากาศการเมืองที่จะร้อนระอุสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายก็จะลดระดับลงทำให้การขับเคลื่อนประเทศชาติและประชาชนทั้งประเทศเดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้งและผ่านพ้นวิกฤตศรัทธาต่อผู้นำการเมืองและอื่น ๆ ไปได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img