วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“คนไทย”กุมขมับ...“หนี้บานเบอะ” รัฐ“กลับลำ”กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“คนไทย”กุมขมับ…“หนี้บานเบอะ” รัฐ“กลับลำ”กู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้าน

ประชาชนคนไทย ณ เวลานี้ !! ยังสับสนอลหม่าน กับเรื่องของการฉีด “วัคซีน” สารพัดปัญหา สารพัดข่าว สารพัดความสับสน แถมยังปนเป “ร่วมด้วยช่วยรุม” ไปกับกระแสดราม่าในสังคมโซเชียล

โดยเฉพาะบรรดา “คนดัง-เซเลป-ดารา-ไฮโซ” ที่หลายคนก็ “ทัวร์ลง” ทันที เมื่อโพสต์เรื่องราวของการได้รับ “วัคซีน” ต้านไวรัสโควิด-19


ทั้งหลายทั้งปวง ก็สุดแต่ใจจะปรารถนาของแค่ละคน ก็แล้วกัน ใครพอใจ ใครไม่พอใจ ใครสะดวก ใครไม่สะดวก ก็ว่ากันไปตาม “วิถี” ของแต่ละคน เพราะต่างคนต่างรู้ดีอยู่แล้ว!! ว่า…ความรุนแรงของไวรัสร้ายนี้เป็นอย่างไร?

ขณะเดียวกันท่ามกลาง “ความสับสน” ของสังคม ก็ยังมีกระแสข่าวเรื่องการ “กู้เงิน” อีก 7 แสนล้านบาท เพื่อเยียวยาโควิดของรัฐบาลออกมาขนาบข้างกับ “ความสับสน” เรื่องวัคซีน ไปพร้อม ๆ กันด้วย

หากจำกันได้!! ก่อนหน้านี้ทั้งตัวนายกรัฐมนตรีเอง ทั้งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล หรือแม้แต่สภาพัฒน์เอง ก็ออกมาย้ำแล้วย้ำอีกว่า รัฐบาลมีเงินเหลือรวม ๆ กันแล้วไม่ต่ำกว่า 3.8 แสนล้านบาทในการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด

ไม่ว่าจะมาจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท มาจากงบกลางปี 64 มาจากค่าใช้ในการบรรเทาแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 หรือแม้แต่งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อฉุกเฉินและจำเป็น ของปีงบประมาณ 65 ก็ได้จัดเตรียมสำรองไว้รองรับด้วยเช่นกัน

อย่าลืมว่าเรื่องของเงินกู้ ก็คือเงินกู้ แม้รัฐบาลจะกู้มา “แจก” ประชาชนคนไทย เพื่อให้ประคองชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ แต่สุดท้ายภาระก็ต้องตกอยู่กับ “ผู้เสียภาษี” นั่นแหล่ะ

วงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรไทย จำนวน 66,186,727 คน ที่ประกาศล่าสุดเมื่อสิ้นปี 63 ที่ผ่านมา หากคำนวณง่าย ๆ ก็เท่ากับว่า ประชากรไทยเป็นหนี้คนละ 15,110.30 บาท

หากกู้เพิ่มอีก 7 แสนล้านบาท!! นั่นหมายความว่า ประชากรไทยจะมีหนี้เพิ่มขึ้นอีกคนละ 10,577.21 บาท !!

ขณะเดียวกันหนี้สาธารณะของประเทศล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมี.ค.64 มีกว่า 8.47 ล้านล้านบาท หรือ 54.28% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)

หากรวมเงินกู้ 7 แสนล้านบาทก้อนใหม่นี้เข้าไปด้วย รวมกับการกู้เงินอื่น ๆ ตามกฎหมายหนี้สาธารณะ จะทำให้หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนก.ย.64 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่กว่า 9.38 ล้านล้านบาท หรือ  58.56% ของจีดีพี
นั่น!! เท่ากับว่า ประชากรไทย จะมีหนี้ต่อหัวถึงคนละ 1.41 แสนบาท ณ สิ้นเดือนก.ย.64

ขณะที่สภาพัฒน์ ได้ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยล่าสุดในไตรมาสแรกของปี 64 รวมถึงการประมาณการทั้งปี 64 เมื่อวันจันทร์ที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า จีดีพีของไทยอยู่ที่ 16.25 ล้านล้านบาท

ตัวเลขนี้… ถือว่าลดลงจากการคาดการณ์เดิมเมื่อวันที่ 15 ก.พ.64 ที่ระบุว่า จีดีพีไทย อยู่ที่ระดับ 16.40 ล้านล้านบาท ด้วยสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

ขณะที่รายได้ต่อหัวของคนไทยล่าสุดอยู่ที่คนละ 233,190.7 บาทต่อคนต่อปี ลดลงจากการประมาณการครั้งที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 235,474 บาทต่อคนต่อปี

อย่าลืมว่า…ตัวเลขที่สภาพัฒน์รายงาน เป็นตัวเลขจริงที่เกิดขึ้นเพียงไตรมาสแรกของปีนี้เท่านั้น ซึ่งหมายถึงสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.64

ทั้งหมด!! ยังไม่ได้รวมถึงตัวเลขจริง สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในเดือนเม.ย.64 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่สาม

เพียงเท่านี้…เชื่อได้ว่าทุกคนคงสามารถอนุมานได้ว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป ในเมื่อไตรมาสแรก ก็หดตัวติดลบ 2.6% ไปแล้ว

ต่อให้สภาพัฒน์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 64 จะยังขยายตัวเป็นบวกได้ที่ 2% ก็ตาม แต่การคาดการณ์ครั้งนี้ มีเงื่อนไข มีข้อแม้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ต้องบรรเทาเบาบางหรือลดน้อยลงในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้เท่านั้น

ถามว่า… อีก 1 เดือน สถานการณ์จะเบาบางลงจริงหรือ? ในเมื่อยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวันยังอยู่ในระดับหลักพันคน สองพันคน มีผู้เสียชีวิตในระดับสิบคน ยี่สิบคน สามสิบคน

เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ “เหนื่อย” ด้วยกันทั้งนั้น !! ได้แต่หวังว่า อย่าเลยเถิดอะไรกันไปมากกว่านี้ เพราะสุดท้ายแล้ว ประชาชนคนไทยที่ต้องรับกรรม!!
………………………………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img