วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“มส.ในฝัน”กับการแก้วิกฤติเด็ก“ทิ้งศาสนา”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“มส.ในฝัน”กับการแก้วิกฤติเด็ก“ทิ้งศาสนา”

“เปรียญสิบ” ตั้งใจว่าจะเขียนถึง “มส.ในฝัน” เพื่อกระตุ้นเตือนสติ “ผู้มีอำนาจ” คัดสรร “กรรมการมหาเถรสมาคม” ที่จะหมดวาระลงเร็วๆ นี้ พอเป็นกระษัยว่า “มหาเถรสมาคม” ในฝันที่ทำงานเพื่อคณะสงฆ์ เพื่อเจริญความมั่นคงของพระพุทธศาสนา “ที่ควรจะเป็น” นั่น จะต้องเป็นอย่างไร รวมทั้งตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเมื่อตรวจ “ผลงาน” ของมหาเถรสมาคม “ชุดปัจจุบัน” แล้ว “สมหวัง- ผิดหวัง” อะไรบ้าง รูปไหนควรอยู่ รูปไหนควรไป ที่สำคัญ “ประธานมหาเถรสมาคม” โดยตำแหน่ง ทำไม “เปรียญสิบ” จึงไม่เห็นด้วยที่จำต้องเป็น “สมเด็จพระสังฆราช”

พอดี “เปรียญสิบ” ได้รับความชวนจาก “พระเทพเสนาบดี” เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ในฐานะประธานกลุ่มโรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนา ชวนให้ไปร่วมดูงานและฟังการสัมมนากิจกรรม “ติวฟิต พิชิตมหาวิทยาลัยในฝัน” ในกลุ่มโรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนาที่โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทอง จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้ “สมเด็จเกี่ยว” ให้ขนานนามว่า ”ลูกพระพุทธเจ้า”

“ตรงนี่แหละสำคัญ” ที่อยากจะพูดถึง “กรรมการมหาเถรสมาคม” ผู้รับผิดชอบ “ฝ่ายศึกษาสงเคราะห์” ไม่ทราบว่าตำแหน่งนี้ตอนนี้ยังเป็น “พระพรหมบัณฑิต” หรือไม่

ประจวบเหมาะในขณะที่ “เปรียญสิบ” เขียนบทความอยู่นี้ กำลังอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากมาร่วมงานการสัมมนานานาชาติระหว่าง มหาวิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ (IBSC) มจร กับมหาวิทยาลัยดองกุก ปัญหาหนึ่งที่ทั้งสองประเทศ เจอเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ เยาวชนไม่ยอมรับศาสนามากขึ้น เบื่อหน่ายพระสงฆ์มากขึ้น ไม่ชอบเข้าวัด ไม่ชอบอะไรที่เป็นกฎเกณฑ์  สุดท้ายสุดประกาศตนเป็นคน “ไม่มีศาสนา” (คนเกาหลีไม่มีศาสนา 65%) ในการสัมมนาครั้งนี้มี “พระภิกษุมหายาน” จากเวียดนาม มาให้ความรู้ มาบอกวิธี  การ“ดึงเยาวชน” ให้สนใจพระพุทธศาสนาได้อย่างไร โดยยกตัวอย่างประเทศเวียดนามเป็นต้นแบบ 

ซึ่งการไม่มีศาสนาไม่ได้หมายความว่าเด็กเหล่านี้ “เป็นคนไม่ดี” มันก็ดีในแบบของพวกเขา เพียงแต่ว่าเด็กยุคใหม่มองโลกและสัมพันธ์กับเพื่อนมนุษย์เหมือน “ระบบทุนนิยม” แบบ “อาหารจานด่วน” ไม่ชอบอะไรที่ช้าและมีกฎเกณฑ์ ชอบแบบฉันทำแล้วฉันได้อะไร มุ่งแต่แสวงหาความสุขให้ตนเอง ไม่สนใจสังคมรอบข้าง เราจึงเห็นเด็กในแถบตะวันตกบางประเทศมี ที่ปัจจุบันความคิดนี้กำลังลามเข้ามาในสังคมไทยที่ว่า “พ่อแม่” ไม่ได้บุญคุณกับพวกเขา แต่พวกเขาเกิดมาเพราะ “ความอยาก” สนองความต้องการทางเพศของพ่อแม่ เหตุนั้น “พ่อแม่” ต้องรับผิดชอบให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพ เช่น ต้องเลี้ยงดู ส่งเรียน จนกว่าพวกเขาจะจบการศึกษาออกมา “รับผิดชอบ” ต่อตนเอง

เด็กกลุ่มนี้ มองทุกอย่างและทำทุกอย่าง “เพื่อความสุข” ของตนเอง ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแม้กระทั้ง “พ่อและแม่” หรือคนรอบข้าง ซึ่งสวนทางกับหลักคิหิปฎิบัติในพระพุทธศาสนาโดยสิ้นเชิง

โรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนารวมทั้งโรงเรียนวัด จึงเป็น “โอกาส” ให้คณะสงฆ์ในการแก้ปัญหา “เยาวชนคนรุ่นใหม่” ทิ้งวัด ไม่เอาพระ ลามไปถึงไม่เอา สถาบันหลักของชาติ สถาบันครอบครัว ด้วย

ตรงนี้ “มหาเถรสมาคม” ต้องหาคนมาทำงาน ต้องหาทีมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่ให้ลามมาถึงโรงเรียนที่อยู่ในเครือข่ายที่คณะสงฆ์รับผิดชอบทั้งโรงเรียนการกุศลในพระพุทธศาสนาและโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในวัด

ทุกวันนี่ถามตรงๆ ว่า มหาเถรสมาคม ได้คิดเรื่องนี้หรือไม่ เคยถกเรื่องนี้บ้างหรือไม่ อายุก็เกิน 60 ปีไปแล้วทั้งสิ้น คิดทำงานเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนากันบ้างได้หรือไม่ อย่าบ้าแต่ “สร้างวัด” สร้างอาณาจักรให้ตัวเอง มุ่งหาเงินอย่างเดียวเลย!!

ยิ่งบางรูปเก่งกาจอะไรมากมาย ควบเกิน 5-6 ตำแหน่ง สงสัยอยู่ว่า ทำไมจึงไม่กระจายอำนาจ “สร้างทีม” ดึงพวกประโยค 9 ดึงนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาหรือ “เครือข่าย” อื่น ๆ เข้ามาเสริมทีมช่วยงาน “มหาเถรสมาคม”

“เปรียญสิบ” พูดมาทั้งหมด เนื่องจาก เป็นห่วงสถานการณ์พระพุทธศาสนา เป็นห่วงสถาบันสงฆ์ หากวันหนึ่งคนรุ่นใหม่หันหลังให้กับพระพุทธศาสนา หันหลังให้กับคณะสงฆ์ หันหลังให้กับสถาบันหลักของชาติ “ความบรรลัย” มันเกิด

เรื่องเหล่านี้ สถาบันสงฆ์ช่วยได้ครับ เว้นแต่อย่า “ใจแคบ” และ “ปล่อยทิ้งธุระ”

ส่วน “มส.ในฝัน” แบบเจาะจง เดียวว่ากันใหม่ เขียนแบบให้ทะลุถึงหูคนมีอำนาจ…เสนอแต่งตั้ง??

………………….

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย…“เปรียญสิบ”: riwpaalueng@gmail.com

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img