เดือนแห่งการชิงอำนาจ ประเดิม 4 ก.ค.66 หลังมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ 2 คน ชนิดม้วนเดียวจบ
เป็นการชิงไหวชิงพริบระหว่าง พรรคก้าวไกล กับ พรรคเพื่อไทย ที่ปล่อยทิ่มกันไปทิ่มกันมา โดยที่พรรคก้าวไกลได้เปรียบในฐานมวลชน คอยปลุกกระแสตีกรอบบีดรัดพรรคเพื่อไทยจนดิ้นพลิกขั้วยาก หากไม่มีเหตุผลเพียงพอ
โดยเฉพาะผลิตวาทกรรมยกฝ่ายตัวเองเป็น ขั้วประชาธิปไตย เหมือนปลาคนละน้ำกับอีกขั้วที่ถูกผลักไสให้เป็น ขั้วเผด็จการ ทั้งที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน และผ่านการเลือกตั้งมาเหมือนกัน
วันนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ฝ่ายที่อ้างว่าเป็นขั้วประชาธิปไตยไส้ในของทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน
การเจรจาต่อรอง ทั้งตำแหน่งประธานสภาฯ โควต้ารัฐมนตรี ที่เหมือนลงตัว ตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรกของการเลือก มาถึงวันนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ โดยตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งต่างฝ่ายต่างช่วงชิงอยากได้ด้วยเหตุผลต่างกันไป
พรรคก้าวไกลต้องการได้ เพื่อการันตีคุมเกมบรรจุระเบียบวาระการเลือกนายกรัฐมนตรี ชงเข้าที่ประชุมรัฐสภา ว่ากันว่าเปิดประตูให้เลือกจนข้ามปีถึง 8 พ.ค.67 ที่วุฒิสภาชุดต่อท่ออำนาจหมดอำนาจ
เปิดประตูให้การโหวตนายกฯ เป็นของสภาฯ 8 พรรคที่ฟอร์มจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียงได้สำเร็จ โดยมีนายกฯคนที่ 30 ชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
ตรงกันข้าม พรรคเพื่อไทยต้องตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ โดยสัญญากับพรรคก้าวไกลขอเสนอชื่อ “พิธา” ให้เต็มคราบ จนกว่าจะได้เป็นนายกฯ
พรรคเพื่อไทย รู้อยู่เต็มอกเสนอกี่ครั้ง ชื่อของ “พิธา” ไม่ผ่านด่านส.ว. 64 เสียง เพื่อให้ได้เสียงสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 376 เสียงแน่นอน จาก 750 เสียง
จุดนี้ย่อมเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทย แหกด่านมะขามเตี้ยออกจากกรงขังทองคำของพรรคก้าวไกล ที่ถูกคลุมถุงชนด้วยมวลชน เพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ที่ตอนนี้เหลือเพียง “เสี่ยนิด-เศรษฐา ทวีสิน” เท่านั้น แม้มีกระปล่อยออกมาจะดันให้ “อุ้งอิ้ง-แพรทองธาร ชินวัตร” ขึ้นเป็นนายกฯ ก็คงยาก เพราะสุ่มเสี่ยงเจอแรงต้าน ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องกลับประเทศไทยภายในเดือนก.ค.
หรือถ้า “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ ดีลลับกับ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯจบ และฝ่ายกุมอำนาจยักคิ้วให้พลิกขั้วได้ โดยมีเสียงจากพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเสริมให้เสถียรภาพรัฐบาลแข็งโป๊กขึ้น และเขี่ยให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน
วันนี้ “พิธา” หมดโอกาสเป็นนายกฯไปแล้ว รอจังหวะเพียงสลับให้พรรคเพื่อไทยนำจัดตั้งรัฐบาล อยู่ที่พรรคเพื่อไทยจะต่อรองอย่างไร และส.ว.มีท่าทีอย่างไร เพราะถึงอย่างไรก็ติดสมการส.ว. 64 เสียง
เกมพลิกผันไปมา เหลือเพียง “บิ๊กป้อม-เสี่ยนิด-อุ้งอิ้ง” ที่ราศีจับ พอจะผ่านด่านส.ว.ไปได้ ภายใต้เงื่อนไข “ทักษิณกลับประเทศไทย” เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
แล้วก่อนได้นายกฯ ต้องมีประธานสภาฯก่อน ขอชี้ไป “ตี๋ใหญ่แปดริ้ว” สุชาติ ตันเจริญ แกนนำพรรคเพื่อไทย มีโอกาส มากกว่า “หมออ๋อง-ปดิพัทธ์ สันติภาดา” ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล และ “ต๋อม-ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล
หมากเกมนี้ !! “ราษฎรเต็มขั้น” อยากเห็น “เสี่ยใหญ่แปดริ้ว” เป็นประธานสภาฯ และ “บิ๊กป้อม” เป็นนายกฯ เพื่อให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านอีกสมัย เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ แลนด์สไลด์ส้มทั้งแผ่นดิน ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียวไปเลย
………………………….
คอลัมน์ : ไขกุญแจ-ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
