ญัตติฉาว ผลลงมติ 395 เสียงข้างมากของที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า “การเสนอชื่อคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯรอบ 2 ขัดข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41” เป็น “เดดล็อกการเมือง” และ “น้ำยาเร่งเกมการเมือง” ให้ “พรรคเพื่อไทย” สลัดทิ้ง “พรรคก้าวไกล” เร็วขึ้น
ในยามพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นผู้กำหนดเกม ไม่เหลือไพ่ในมือให้ทิ้งชิงอำนาจฝ่ายบริหารอีกต่อไป และลดเพดาน 112 ลงไม่ได้ เท่ากับถอยห่างจากเป็นรัฐบาล เข้าใกล้เป็นฝ่ายค้านเต็มที่ และยังตามลุ้นระทึกคดี 112 ส่อยุบพรรคที่จอคิวอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ
ตามท้องเรื่องเอ็มโอยู 8 พรรครอจังหวะถูกฉีก ตามสมการใหม่ทางการเมืองที่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯแล้วไม่มีหลักประกันว่าจะได้ชัวร์ ทั้ง “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน “อุ๊งอิ๊ง” แพรทองธาร ชินวัตร และ ชัยเกษม นิติสิริ
ฉะนั้นตามจังหวะของพรรคเพื่อไทยที่ต้อง “โหวตเอาได้” เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ขึ้นไปโป้งเดียวจอด ล็อก 376 เสียงนิ่ง เพราะเกิดสมการใหม่ทางการเมือง ตามญัตติฉาวโฉ่เสนอชื่อนายกฯ แล้วไม่ได้
บทบาทจากนี้ไปเจรจาความกับพรรคก้าวไกล ก่อนทำหน้าที่ตามจีบ สว. หรือตามล็อบบี้ สส. ฝ่ายรัฐบาลเดิม พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา
ซึ่งการดึงเสียง สว. มาได้ครบ 64 เสียง พรรคก้าวไกลถูกบีบเป็นฝ่ายค้าน ไม่เช่นนั้น สว. ไม่โหวตหนุน หรือเอาเสียงพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมมาเสริม ก็ต้องไม่มี 112 หรือไม่มีพรรคก้าวไกล
ภายใต้ 2 ภารกิจใหญ่พรรคเพื่อไทย ทั้งภารกิจเจ้าของพรรค และภารกิจระดับบิ๊กเนมที่ขึ้นสู่ฝ่ายบริหาร ซึ่งมือประสานสิบทิศไม่ได้อยู่ฉากหน้า ดีลลับจนใกล้ลงตัว
ชื่อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ จึงผุบๆ โผ่ๆ ขึ้นมาเป็นระยะ ถึงขั้นมีคำสั่งเด็ดขาดรูดซิปปากลูกพรรคงดให้สัมภาษณ์ หวั่นดีลรั่วจนล่ม
และยังมอบดาบให้ “ภูกอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ที่แนบชิดพรรคเพื่อไทย เชื่อมท่อแห่งอำนาจที่กำลังฟอร์มขั้วขึ้นมาใหม่
“อย่าคิดตั้งรัฐบาล 8 พรรค จะต้องรวม 9-10 พรรคเพื่อมีเสียงพอจัดตั้งรัฐบาล แม้เพื่อไทยไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พล.อ.ประวิตรเข้าคุยได้ ยิ่งตอนนี้คุณประยุทธ์ไปแล้ว เหลือเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมาร่วมด้วยได้ไหม พรรคเพื่อไทยไม่ได้ผิดคำพูด” ระดับ “พี่ตู่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย สะท้อนภาพให้เห็นอีกมุมหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ขนาดพรรคภูมิใจไทย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ยังมั่นใจใกล้ได้นายกฯ คนที่ 30 เป็นที่ยอมรับด้วยเสียงเกิน 376 และมีรัฐบาลเสียงข้างมากจากเลือกตั้งของประชาชน นำพาประเทศก้าวผ่านช่องเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไปด้วยดี นำไประเทศไทยไปสู่เวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม
เช่นเดียวกับ พรรคประชาธิปัตย์ ส่งสัญญาณเลื่อนการประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ออกไปจนกว่าได้รัฐบาลป้ายแดง แม้แต่ พรรคชาติไทยพัฒนา “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ก็เดินอยู่บนถนนเส้นเดียวกับพรรคเหล่านี้
ภาพสลายขั้วการเมืองค่อยโผล่ให้เห็น พิสูจน์ “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวรทางการเมือง” จนนึกถึงการจุดพลุตั้ง “รัฐบาลช่วยชาติ” วาระ 2 ปี ของ “อดุลย์ เขียวบริบูรณ์” ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 อดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ
สอดรับสอดประสานไปทิศทางเดียวกัน สำเร็จหรือไม่ ตามลุ้นผลโหวตนายกฯ วันที่ 27 ก.ค.
………………
คอลัมน์ : ไขกุญแจ/ไขแหลก
โดย #ราษฎรเต็มขั้น
