วันพุธ, พฤษภาคม 8, 2024
หน้าแรกNEWS"จุรินทร์"สั่งลุยตลาดรองหนุนส่งออกปีนี้โต 5%
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จุรินทร์”สั่งลุยตลาดรองหนุนส่งออกปีนี้โต 5%

“จุรินทร์”เดินเครื่องดันส่งออกเข้าเป้าโต 5% สั่งทูตพาณิชย์ เจาะตลาดเมืองรองใน 105 เมือง 36 ประเทศ นอกเหนือตลาดหลักคาดโกยรายได้เพิ่มอีก 2 หมื่นล้านบาท

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ใน 58 สำนักงาน 42 ประเทศ และภาคเอกชนเกี่ยวกับแผนส่งออกในช่วงที่เหลือของปีว่า  ได้ติดตามความคืบหน้าแผนขับเคลื่อนการส่งออก  หลังจากที่ได้มอบนโยบายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ไปปรับกิจกรรมร่วมกับทูตพาณิชย์ ทำให้มีกิจกรรมเพิ่มมาอีก 345 กิจกรรม บวกกับกิจกรรมเดิมที่มีอยู่ 185 กิจกรรม รวมเป็น 530 กิจกรรม เช่น การเร่งรัดทำ Mini-FTA กับเมืองและมณฑล

การส่งเสริมการค้าออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจ การนำซอฟต์ พาวเวอร์ใส่สินค้าและบริการของไทย การให้ความสำคัญการส่งเสริมสินค้า BCG การเร่งรัดการเดินหน้าตามนโยบายรักษาตลาดเดิม เพิ่มตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่า

ทั้งนี้เน้นเจาะตลาดเมืองรอง จากที่ก่อนหน้านี้เน้นตลาดเมืองหลักในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตลาดเมืองรองมีเป้าหมายชัดเจนจะเจาะทั้งหมด 105 เมือง ใน 36 ประเทศ และจะเจาะตลาดสินค้าชนิดใหม่เพิ่มเติม เช่น สินค้าก่อสร้าง และบริการก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เจาะตลาดซาอุดิอาระเบีย ที่มีนโยบายสร้างเมืองใหม่ สินค้าฮาลาล เจาะตะวันออกกลาง และจีนที่มณฑลกานซู่ ที่มีชาวมุสลิมจำนวนมาก และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่เป็นสินค้าดาวเด่น จะเจาะตลาดยุโรป เป็นต้น โดยกิจกรรมที่เพิ่มเข้ามานี้ ได้ตั้งเป้าหมายจะช่วยเพิ่มรายได้ และทำเงินเข้าประเทศได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมี่นล้านบาท จะเป็นตัวที่เข้าไปเสริมเป้าหมายทั้งปี 9 ล้านล้านบาท

สำหรับการประชุมครั้งนี้ ภาคเอกชนยังได้ขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่ตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเร่งรัดตัวเลขส่งออกและการแก้ปัญหาการส่งออก โดยมีรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุด คือ การแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนและค่าระวางเรือมีราคาสูงมาก

วันนี้เอกชนรายงานให้ทราบว่าสามารถร่วมมือกันแก้ปัญหาคอนเทนเนอร์ขาดลงได้แล้ว เฉพาะ 6 เดือนของปีนี้ ตู้คอนเทนเนอร์มีให้ใช้ส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 12% และค่าระวางเรือปรับลดลงจาก 15,000-20,000 เหรียญสหรัฐ ลดลงมาเหลือ 7,000-10,000 เหรียญสหรัฐ ลดลงมาประมาณ 50% ทำให้การส่งออกมีความคล่องตัวขึ้น

นอกจากนี้ ยังได้แก้ปัญหาด้วยการเปิดโอกาสให้เรือใหญ่มาเทียบท่า ที่แหลมฉบังได้ ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมให้มีพื้นที่ระวางสินค้าเหลือ และส่งออกได้มากขึ้น โดยกรมเจ้าท่าได้ออกประกาศให้เรือใหญ่เทียบท่าได้ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.2564 มีอายุ 2 ปี ซึ่งที่ประชุมจะขอความร่วมมือจากกรมเจ้าท่าต่ออายุไปอีก เพราะจะมีส่วนช่วยให้การส่งของไทยคล่องตัวขึ้น มีพื้นที่เรือขนสินค้าไทยไปยังต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่ายอดส่งออกทั้งปีโต 4-5%

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img