วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกNEWSนายกฯเหน็บสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันเปราะบาง แต่ดอกเบี้ยแพงโคตร
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

นายกฯเหน็บสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันเปราะบาง แต่ดอกเบี้ยแพงโคตร

​นายกฯ ปาฐกถา “นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจ และการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ” เผยมีนายกฯ Pro Business ที่เข้าใจ และมีความตั้งใจจริง จะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้การทำธุรกิจมีความคล่องตัวขึ้น

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 29 มี.ค.ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะสุรวงศ์ กรุงเทพมหานคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “นักธุรกิจรุ่นใหม่กับโอกาสในการสร้างธุรกิจและการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ” โดยมีผู้อำนวยการหลักสูตร The NEXT Real นักธุรกิจรุ่นใหม่ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ศิษย์เก่า The NEXT Real และ The NEXT Tycoon ผู้บริหารภาคเอกชน และสื่อมวลชนเข้าร่วม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกฯ กล่าวปาฐกถาฯ ตอนหนึ่งว่า วันนี้สับสนหน่อยว่ามาในฐานะอะไร ในฐานะอสังหาริมทรัพย์ ในฐานะศิษย์เก่า หรือมาในฐานะนายกฯ แต่ไม่ว่าในฐานะอะไรจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องพูดกัน และอยากเล่าสู่กันฟัง ซึ่งหลาย ๆ ท่านได้ติดตามเรื่องวิสัยทัศน์หลาย ๆ อย่างไปแล้ว วันนี้พยายามที่จะสรุปให้ได้ใจความและเรื่องที่อาจจะมีความใกล้ชิดกับพวกเรามาก ในเรื่องของอสังหาฯ โดยที่ไม่เป็นการเปิดเผยความลับของประเทศ แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับหลายท่านที่รู้อยู่เรื่องอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่จบมาแล้วมาทำอสังหาริมทรัพย์ บางคนครอบครัวทำหลายอย่างประสบความสำเร็จในอดีต และหลายท่านประสบความสำเร็จทำได้ดีมาก เพราะมีวินัยโฟกัสในสิ่งที่ทำ จึงทำได้ดี วันนี้การทำธุรกิจของทุกประเทศไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว ต้องมาช่วยสังคมกันบ้าง เรื่องสำคัญคือทำให้วงการอุตสาหกรรมดีด้วยการแข่งขัน เพราะมีคู่แข่งที่ดีมีคุณภาพ ตนเองคิดว่าการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดีทำให้พัฒนาไปในอนาคต แต่ขอให้ไปแข่งขันที่ถูกต้อง และพัฒนาคุณภาพด้วยยึดผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นที่ตั้ง หลาย ๆ ท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นนักพัฒนาอสังหาฯ ก็ขอให้ทำอย่างจริงจังอาจจะก้าวตัวออกมาช่วยเหลือ

นายกฯ กล่าวยืนยันว่า หากจะทำอสังหาริมทรัพย์ต้องเป็นงานจริง ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่เปราะบางในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างแพง ในฐานะที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนทำอสังหาฯ ค่อนข้างจะลำบากใจ หากเรียกร้องมากเกินไป จะถูกกล่าวหาว่าทำเพื่อตัวเอง จะทำอะไรต้องรอบคอบ ต้องระมัดระวัง ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่งตนเองเคยพลาดมาแล้วและถูกทัวร์ลง เช่น เรื่องของการครอบครองที่ดิน 1 ไร่ ที่ให้ชาวต่างชาติสามารถครอบครองได้นั้น มีความเป็นกังวลว่าเรื่องดังกล่าวจะทำให้คนไทยเข้าถึงที่อยู่ได้ลำบากขึ้น ซึ่งพื้นที่ 1 ไร่ สำหรับคอนโดหรือบ้านที่อยู่อาศัย มูลค่าเป็นประมาณ 50 ล้านบาท ถึง 100 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าที่สูงมาก ไม่ถือว่าเป็นการแย่งที่อยู่อาศัย คนที่จะซื้อได้ต้องมีฐานะที่ดี ตนเองขอเน้นย้ำว่า ชาตินั้นขายไม่ได้ คือจิตวิญญาณของพวกเรา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ไม่ใช่ที่ดิน สิ่งนี้เอากลับไปไม่ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลโดยการนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มีเจ้าหน้าที่หลายคนระดับสูงที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้ามาปรึกษาผมว่าทำอย่างไรจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำอย่างไรให้ต่างชาติเข้ามาถือที่ดินได้ ตนเองบอกว่าต่อให้มี 749 เสียงกับ 750 เสียงในสภาฯ ตนเองก็ไม่มีทางให้ต่างชาติมาถือที่ดิน เพราะอย่างไรก็ไม่ผ่าน และจิตใจคนไทยสังคมไทยรับไม่ได้ให้ต่างชาติมาถือที่ดิน อย่าพูดด้วยเหตุผล เป็นความรู้สึกมากกว่า ที่เขายอมไม่ได้ อย่างไรก็ยอมไม่ได้

นายกฯ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นกฎหมายเหล่านี้จะต้องมาแก้ไขให้ถูกต้องให้เหมาะสม เพื่อให้การทำธุรกรรมผ่านไปได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในฐานะที่เคยทำธุรกิจมาก่อน จะพยายามทำกฎข้อบังคับเหล่านี้ เพื่อให้กฎหมายลูกที่มารองรับสามารถทำงานได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น รัฐบาลคำนึงถึงหลาย ๆ เรื่อง กำลังทำอยู่และทำอย่างใส่ใจ และที่สำคัญต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล เช่น เรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต ประเทศไทย 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโตเพียง 1.8% ภาคอสังหาฯ ไม่มีอะไรดีขึ้นใน 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการทำดิจิทัลวอลเล็ต ขอเน้นย้ำว่าไม่มีการทุจริต ยืนยันเป็นการส่งตรงจากภาครัฐผ่านเทคโนโลยี เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล สามารถตรวจสอบได้ รัฐบาลรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม ตนเองพยายามรับฟังจากทุกคนทั้งสถาบันการเงิน ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายดิจิทัล รัฐบาลพยายามทำให้ดีที่สุด สำหรับคำถามว่าทำไมถึงต้องเป็นดิจิทัลวอลเล็ต ทำไมถึงต้อง 10,000 บาท และทำไมถึงต้อง 5 แสนล้านบาท ตนเองได้อธิบายไปแล้ว และเชื่อว่าจะมีการจ้างงานมีการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ 5 แสนล้านบาทประมาณ 17% ของงบประมาณประจำปี ยืนยันไม่มีการทุจริต

นายกฯ กล่าวว่า จุดยืนของประเทศไทยคือเราเป็นกลาง วันนี้ความเป็นกลางของเราจะนำให้ประเทศพ้นจากวิกฤตทางด้านเศรษฐกิจ เป็นความต้องการอย่างสูงจากทุกประเทศที่ต้องการมาพูดคุย มาลงทุนใช้ประเทศไทยเป็นเวทีกลางในการเจรจา โดยไม่ต้องสงสัยทำไมไทยมีทุก ๆ ประเทศมาลงทุน เพราะความเป็นกลางทางด้านการเมืองของเรา หากเราฝักใฝ่กับชาติใดชาติหนึ่ง ไม่เป็นกลาง ทั่วโลกจะไม่มั่นใจในการลงทุนกับเรา ส่วนด้านโลจิสติกส์จะลดการซื้ออาวุธ ส่งผลดีต่อทางด้านเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยมีเรื่องดี ๆ อีกมากที่ซ่อนอยู่ สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดจริง ๆ แล้ว ประเทศเราต้องยอมรับว่ากำลังมีปัญหาทางความมั่นคง แต่ปัจจุบันดีขึ้นเยอะ เสถียรภาพทางด้านการเมืองก็ดีขึ้นมาก แต่เศรษฐกิจมีปัญหาทางด้านการลงทุน

“บางทีรักใครชอบใครเยอะเกินไป เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่เรื่องบางเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับการรักใครชอบใคร แต่เกี่ยวข้องกับความน่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นความจำเป็น ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตอย่างเดียว แต่อีกหลายเรื่องที่จะต้องทำ ซึ่งเราจะทำต่อไป แต่ผลที่จะเกิดขึ้นคงต้องอีกพอสมควร คิดว่าประมาณ 18 เดือน แต่อย่าลืมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้นมีความไวต่อสัญญาณที่ดี หาก 6 เดือนหรือ 12 เดือนตลาดจะเด้งแรงมาก ข่าวดีอันหนึ่งหมดปีงบประมาณไปแล้ว 6 เดือน ยังไม่ได้ใช้งบประมาณสักบาท ในวันที่  1 พ.ค.ใช้ได้ เหลืออีกแค่ 5 เดือน งบประมาณตัวนี้บวกกับงบประมาณตัวหน้า 24 เดือน ก็ใช้ไปแค่ 16 เดือน ฉะนั้นจะมีการลงทุนเยอะมาก อันนี้เป็นเรื่องของข่าวดี และข่าวดีอีกเรื่องคือมีนายกฯ Pro Business ที่เข้าใจ และมีความตั้งใจจริง ที่จะทำให้ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตการลงทุน การจัดซื้อจัดจ้าง เราจะดูทั้งหมด เพราะเราทราบดี เคยทำมาก่อน ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด และขอเป็นกำลังใจและขอให้มีความอดทนต่อไป” นายกฯ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img