วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2024
หน้าแรกNEWS‘ซูเปอร์โพล’ ชี้อัตราการว่างงานของไทยเทียบกับประเทศอื่นถือว่าต่ำ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ซูเปอร์โพล’ ชี้อัตราการว่างงานของไทยเทียบกับประเทศอื่นถือว่าต่ำ

“ซูเปอร์โพล”ชี้เทียบการว่างงานของไทยกับประเทศอื่นถือว่าต่ำ ขณะที่ปชช.ต้องการให้รัฐพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน-อินเทอร์เน็ต หนุนรายได้ลดรายจ่าย ขอคนละครึ่ง-ประกันรายได้

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง สถานการณ์โลกกับความจริง – ความต้องการของคนไทย จำนวน 1,148 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 – 28 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 80.8 รับรู้ถึง ผลกระทบจาก วิกฤตโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศทั่วโลก  ร้อยละ 81.4 ระบุวิกฤตโควิด และเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการว่างงาน  ร้อยละ 82.9 ระบุ วิกฤตโควิด และภัยพิบัติน้ำท่วมในไทย ส่งผลรายได้ลดลง มีหนี้สินเพิ่มขึ้น  ร้อยละ 80.1 ระบุ วิกฤตโควิด ภัยพิบัติน้ำท่วม และวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ความสุขลดลง มีผลต่อ สุขภาพจิต และร้อยละ 79.1 ระบุ วิกฤตโควิด และ วิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลต่อระบบการศึกษาและการเรียนรู้พัฒนาทักษะของเด็กและเยาวชน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวว่า ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ผลการเปรียบเทียบอัตราการว่างงานระหว่างประเทศไทย กับ ต่างชาติ โดยอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เช่น ธนาคารโลก กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา เว็บไซต์เทรดดิ้งอิโคโนมิคส์ และสถิติต่าง ๆ เป็นต้น พบว่า อัตราการว่างงานของประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 2.25  เปรียบเทียบกับประเทศกัมพูชาร้อยละ 0.31 ลาวร้อยละ 1.0 พม่าร้อยละ 1.79  อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีอัตราการว่างงานสูงกว่าประเทศไทยมีอยู่จำนวนมาก เช่น ฟิลิปปินส์ ร้อยละ 6.9 อินโดนีเซีย ร้อยละ 6.49 จีนร้อยละ 4.9 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 4.6 มาเลเซียร้อยละ 4.5 และเยอรมนี ร้อยละ 3.4 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.8 ต้องการให้รัฐช่วยเหลือเยียวยา มุ่งให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 19.2 ไม่ต้องการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ความต้องการอื่น ๆ ของประชาชนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้อง ได้แก่ ต้องการให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงโอกาสต่าง ๆ ได้  ร้อยละ 81.3 ต้องการให้มีมาตรการช่วยเหลือด้านรายได้ ลดรายจ่ายของประชาชน เช่น โครงการคนละครึ่ง การประกันรายได้เกษตรกร พืชผลการเกษตร ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น ร้อยละ 81.0 ต้องการให้ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ และส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจได้ ร้อยละ 80.2 ต้องการให้ใช้โอกาสนี้พัฒนาทักษะของผู้ว่างงานให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอนาคต ร้อยละ 78.6 และต้องการให้มีการปรับมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มกับงบประมาณที่มีอยู่จำกัด ร้อยละ 77.4 ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลการศึกษาครั้งนี้ ชี้ให้เห็นอัตราการว่างงานของประชาชนคนไทยเมื่อเปรียบเทียบกับนานาประเทศทั่วโลกจะพบว่าอยู่ในอัตราต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ จำนวนมาก เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เยอรมัน สหรัฐอเมริกา และจีน เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าการมีงานทำของคนไทยยังอยู่ในระดับที่สามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศและยังสามารถควบคุมผลกระทบจากวิกฤตโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมาได้

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาล เร่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอินเทอร์เน็ตและออนไลน์อื่น ๆ ส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีเสถียรภาพความปลอดภัยในไซเบอร์ เอื้อต่อการประกอบสัมมาอาชีพ การมีงานทำที่สุจริตของประชาชน และการศึกษาของนักเรียน นักศึกษา โดยผลการศึกษาครั้งนี้พบ เป็นความต้องการอันดับแรก  ขณะเดียวกันต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการต่อเนื่อง สนับสนุนด้านรายได้และลดรายจ่าย เช่น โครงการคนละครึ่ง การประกันรายได้เกษตรกร พืชผลทางการเกษตร ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นต้น.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img