“พิพัฒน์” คาด 5 ปีต่างชาติเดินทางมาไทย 80 ล้านคน เติบโต 2 เท่าสร้างรายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาท เตรียมเสนอครม.เก็บค่าเหยียบแผ่นดินต่างชาติ 300 บาท
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทย พบว่ามีการจัดอันดับความปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งไทยอยู่ในอันดับท้ายๆ สะท้อนถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อเมื่อเข้ามาเที่ยว กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงหารือร่วมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว สร้างเครือข่ายและเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยว
ทั้งนี้การจัดอันดับที่ผ่านมา ไทยได้รับความนิยมและมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นอันดับที่ 4 ของโลก โดยกระทรวงตั้งเป้าหมายปี 2570 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย 80 ล้านคน เติบโตเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนโควิดระบาด สร้าง รายได้รวมด้านการท่องเที่ยว 5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีรายได้รวม 1.93 ล้านล้านบาท
สำหรับการท่องเที่ยวไทยจะฟ้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง หลังการกลับมาของเที่ยวบินของจีนและความรวดเร็วของการเปิดให้จำหน่ายแพคเกจทัวร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟ้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน รวมถึงอาเซียน ที่ยังเป็นตลาดหลัก ส่วนนักท่องเที่ยวเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวันจะฟ้นตัวอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 60-80% สำหรับนักท่องเที่ยวระยะไกล คาดว่าจะฟ้นตัวที่ 70-80% แต่ยังมีความท้าทายในด้านการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และการฟ้นตัวที่ล่าช้าของอุตสาหกรรมการบินจะส่งผลกระทบต่อตลาดระยะไกลด้วย
นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายท่องเที่ยวแห่งชาติ (ท.ท.ช.) จะหารือเรื่องเก็บค่าธรรมเนียมเข้าประเทศไทย (ค่าเหยียบแผ่นดิน) จากนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ คนละ 300 บาท คิดเป็นอัตราเดียวกันไม่ว่าจะเดินทางเข้าประเทศผ่านช่องทางใดก็ตาม ทั้งทางบก-น้ำ-อากาศ โดยจะเก็บเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศไทยโดยใช้หนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต และจะยกเว้นในกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้าไทยโดยใช้ หนังสือผ่านแดน หรือ บอเดอร์พาสข้าราชการท้องถิ่นที่อยู่ชายแดน รวมถึงผู้ที่ถือพาสปอร์ต แต่มีหนังสืออนุญาตทำงานในไทยจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม หากผ่านความเห็นชองจากคณะกรรมการฯ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี อนุมัติพิจารณาในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ทันกับกำหนดการที่วางไว้ว่าจะพยายามให้มีผลเริ่มต้นจัดเก็บวันที่ 1 มิถุนายนนี้ อีกกลุ่มที่อยู่ระหว่างการประเมินว่าจะไม่เก็บค่าธรรมเนียมส่วนนี้ด้วย คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นั่งเรือเฟอร์รี่เข้ามาทางน้ำ แต่เป็นการแวะเที่ยวประเทศไทยแบบเช้า-เย็นกลับ เพราะแม้มีการท่องเที่ยวและใช้จ่ายเพียงสั้นๆ แต่โอกาสถัดไปหากเกิดความประทับใจจะเข้ามาเที่ยวไทยเป็นการส่วนตัวอีกครั้งแน่นอน ทำให้เราสามารถขายการท่องเที่ยวอย่างแท้จริงได้
