วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlightเศรษฐกิจตามหลังประเทศอื่นในอาเซียน “เวิลด์แบงก์”หั่นจีดีพีไทยเหลือแค่ 3.4%
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เศรษฐกิจตามหลังประเทศอื่นในอาเซียน “เวิลด์แบงก์”หั่นจีดีพีไทยเหลือแค่ 3.4%

เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวตามหลังประเทศอื่นในอาเซียน “เวิลด์แบงก์” หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3.4% ผลพวงจากส่งออกชะลอ ต้องลุ้นท่องเที่ยว-บริโภคเอกชนช่วยประคอง ห่วงหนี้สาธารณะพุ่งกดดันการลงทุนภาคสาธารณะและเอกชน

ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้เผยแพร่รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนต.ค.66 โดยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เนื่องจากเศรษฐกิจจีนและอุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัว ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการค้าที่ซบเซา ซึ่งธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 5% ลดลงจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนเม.ย.66 ว่าจะขยายตัว 5.1% ส่วนในปี 67 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะขยายตัว 4.5% จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 4.8%

ทั้งนี้ ธนาคารโลกยังได้เตือนถึงหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน รวมถึงระดับหนี้สินของบริษัทที่พุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในจีน ไทย และเวียดนาม โดยระบุว่า หนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงนั้น จะจำกัดการลงทุนทั้งภาคสาธารณะและภาคเอกชน โดยหนี้สินที่สูงขึ้นอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมให้กับกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน

สำหรับประเทศไทยนั้น ธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้อยู่ที่ 3.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.9% โดยเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวตามหลังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน และการส่งออกที่ลดน้อยลงได้เพิ่มความท้าทายให้กับเศรษฐกิจไทย

“หลักๆ แล้วเศรษฐกิจไทยในปีนี้ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน แต่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มที่จะหดตัว 2.1% ในแง่ของดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ขณะที่การถ่ายโอนอำนาจไปยังรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อจะชะลอการลงทุนภาคสาธารณะและการลงทุนภาคเอกชนของไทย ดังนั้น ธนาคารโลกจึงหั่นคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยสำหรับปี 67 เหลือโต 3.5% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้เดือนเม.ย.66 ที่ 3.6%” รายงาน ระบุ

รายงาน ยังระบุอีกว่า การท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มจะชดเชยปัญหาอุปสงค์ต่างประเทศที่อ่อนแอ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มแตะระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาดภายในสิ้นปี 67รวมทั้งยังคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อไทยจะปรับตัวลดลงสู่ 1.5% ในปี 66 ซึ่งต่ำกว่าเกือบทุกประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยได้แรงหนุนจากราคาพลังงานโลกที่ลดลงและการตรึงราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น จากผลของราคาอาหารโลกพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งการอุดหนุนด้านราคาพลังงาน ขณะที่คาดว่าหนี้สาธารณะในปี 66 จะยังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 60% และไทยจะกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ที่ 0.5% ต่อจีดีพีจากที่เคยขาดดุลติดต่อกันมา 2 ปี ในปี 64 และ 65

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img