“จุรินทร์”สั่งทูตพาณิชย์ทั่วโลก จัดทำบัญชีผู้ส่งออกปุ๋ย เตรียมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ปลายเดือนส.ค.นี้ เพื่อเพิ่มซัพพลายปุ๋ยในประเทศ
นางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมและทูตพาณิชย์ทั่วโลก จัดทำบัญชีผู้ส่งออกปุ๋ยว่ามีรายใด อยู่ประเทศไหน จัดส่งรายชื่อให้กับผู้นำเข้าปุ๋ยของไทย
ล่าสุดได้รวบรวมรายชื่อผู้ส่งออกปุ๋ยได้แล้ว 100 ราย จากกว่า 20 ประเทศ และกำหนดจัดเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ปลายเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเพิ่มซัพพลายปุ๋ยในประเทศ แก้ปัญหาปุ๋ยให้กับเกษตรกร ขั้นตอนกรมส่งต่อให้กับผู้นำเข้าปุ๋ย โดยเฉพาะผู้นำเข้าขนาดกลางและเล็กไปพิจารณาว่าสนใจจะเจรจากับรายใด เพื่อประสานไปยังทูตพาณิชย์ จัดเจรจาจับคู่กันต่อไป จะเพิ่มปริมาณปุ๋ยในประเทศและแก้ไขปัญหาขาดแคลนปุ๋ยระยะยาว
แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายจุรินทร์สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เจรจากับซาอุดีอาระเบีย เพื่อขอซื้อปุ๋ยราคาพิเศษ เจรจาจับคู่ธุรกิจมาแล้วเมื่อ 29 มิถุนายนปีนี้ ตั้งเป้าซื้อขาย 8 แสนตัน แต่เจรจาได้แล้ว 3.24 แสนตัน ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างเจรจา และยังเจรจากับผู้ส่งออกปุ๋ยรัสเซียตกลงได้ 7.2 หมื่นตัน แต่ติดอุปสรรคการเพิ่มยอดซื้อขาย เนื่องจากติดปัญหาระบบการโอนเงิน การขนส่ง บริษัทประกันภัยไม่รับรอง รวมถึงเงินบาทอ่อน ทำให้ราคาปุ๋ยนำเข้าแพงขึ้น แต่ยังมีความพยายามเจรจาซื้อขายต่อ
ล่าสุดรัสเซียแจ้งว่าจะเพิ่มโควต้าให้ไทยจาก 5 แสนตัน เป็น 1 ล้านตัน สั่งการให้จัดหาปุ๋ยจากแหล่งนำเข้าอื่นๆ เพื่อให้มีหลักประกันว่าแม่ปุ๋ย แม้ราคาแพง แต่ปุ๋ยในประเทศจะไม่ขาดแคลน ปัจจุบันผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานแพงขึ้นทั่วโลก น้ำมันโลกเพิ่มขึ้น 60%
ก๊าซธรรมชาติเพิ่ม 195% ส่งผลกระทบทำให้ราคาปุ๋ยเคมีแพงขึ้นตามไปด้วย เพราะแม่ปุ๋ยสำคัญคือยูเรียและฟอสฟอรัสได้จากก๊าซธรรมชาติ การบริหารจัดการราคาปุ๋ยเคมีในประเทศ พบว่าราคาปุ๋ยโลกเพิ่มขึ้น 236% แต่ราคาปุ๋ยในไทยเพิ่มขึ้น 130% น้อยกว่าปุ๋ยโลกเกือบ 1 เท่าตัว ส่งผลให้ปุ๋ยไทยแม้จะแพงขึ้น แต่ยังแพงน้อยกว่าหลายประเทศทั่วโลก
“ระยะต่อไปนายจุรินทร์สั่งกรมการค้าภายในแล้วว่าหากราคาปุ๋ยโลกปรับลดลง ราคาปุ๋ยในประเทศต้องปรับลดลงตามต้นทุนแท้จริงด้วย เหมือนกับน้ำมันปาล์มขวดปรับลดลงก่อนหน้านี้ ตามต้นทุนการผลิตที่ลดลง” นางอารดากล่าว
