วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกNEWS“บิ๊กตู่”พอใจโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการนำร่อง 7 จว.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กตู่”พอใจโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการนำร่อง 7 จว.

นายกฯ พอใจโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ นำร่อง 7 จังหวัด ย้ำให้ความสำคัญดูแลสุขภาพแรงงานเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รับทราบความสำเร็จของ ผลการดำเนินงานใน โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการ เห็นผลสำเร็จเอกชนชื่นชม ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 -16 ม.ค.2566 มีผู้ประกันตนเข้ารับบริการตรวจสุขภาพกับสถานพยาบาล ในสถานประกอบการในพื้นที่นำร่องพร้อมกัน 7 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร เป็นผู้ประกันตนคนไทย 7,104 คน และผู้ประกันตนชาวต่างชาติ 1,433 คน รวมทั้งสิ้น 8,537 คน โดยเป็นการตรวจคัดกรองสุขภาวะเบื้องต้น ลดความเสี่ยงด้านสุขภาวะ เนื่องจากพฤติกรรมการกิน และการใช้ชีวิตของคนในสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน

นายอนุชา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ทางโครงการจึงเน้นตรวจคัดกรอง เพื่อค้นหาความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ ตรวจน้ำตาลในเลือด ตรวจไขมันในเส้นเลือด และใช้เทคโนโลยีเข้ามาให้บริการด้านการแพทย์ โดยจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกันตนได้รับคำแนะนำ คำปรึกษา เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยง ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาโรค และเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงจาก โรคที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน และโรคที่ไม่เกี่ยวเนื่องกับการทำงาน ซึ่งเมื่อตรวจพบเร็ว จะช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยเรื้อรัง ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับการรักษาพยาบาล และสามารถลดจำนวนวันลางาน ทำให้อาการร้ายแรง พิการและเสียชีวิตน้อยลง ลดค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไปกับการรักษาพยาบาล และ ลดจำนวนวันลางานที่เกิดจากอาการป่วยได้

“นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการมีสุขภาพที่ดีของประชาชนทุกคน ชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เดินหน้าตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนด ดำเนินการส่งเสริมป้องกันให้ผู้ประกันตนมีสุขภาพที่ดี ซึ่งโครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนเชิงรุกในสถานประกอบการนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนทางด้านสุขภาวะ ให้ดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น ทำให้แรงงานได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีขอบคุณความร่วมมือของสถานประกอบการที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพที่ดีของผู้ประกันตน เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงกับการทำงาน ในสถานที่ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ ลดความเลื่อมล้ำทางสังคม และสู่ความ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในอนาคต

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img