วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกNEWS“แรงงาน”ซัดพรรคการเมืองหาเสียงเพิ่มค่าแรง 425 บาท “สมใจแล้วตระบัดสัตย์”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“แรงงาน”ซัดพรรคการเมืองหาเสียงเพิ่มค่าแรง 425 บาท “สมใจแล้วตระบัดสัตย์”

“แรงงาน” ยื่น 7 ข้อเรียกร้อง ก่อนชงจริงจังต่อรัฐบาลใหม่ จี้รับรองอนุสัญญา ILO 31 ปี ไม่คืบ พร้อมออกกม.ตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงเลิกจ้าง เพิ่มบำนาญ สตาร์ท 5 พันบาท เหน็บเลือกตั้งหาเสียงเพิ่มค่าแรง 425 บาทไว้ สมใจแล้วตระบัดสัตย์

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเนื่องในวันแรงงานสากล หรือวันเมยเดย์ (May day) วันที่ 1 พ.ค.ของทุกปี ซึ่งในปี 2566 มีกลุ่มเครือข่ายแรงงานร่วมกันจัดงานหลายกลุ่ม หลักๆ คือ คณะกรรมการจัดงานจาก 15 สภาองค์การลูกจ้าง กับสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย และกลุ่มแรงงานนอกระบบ มีกระทรวงแรงงานอำนวยความสะดวกในการจัดงาน โดยช่วงเช้ามีพิธีทางศาสนา โดยอาราธนานิมนต์สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี สมเด็จธงชัย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ จัดพิธีสงฆ์ที่กระทรวงแรงงาน จากนั้นเวลา 08.30 น. ได้เคลื่อนริ้วขบวน 20 ขบวน จากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปยังลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

นายชินโชติ แสงสังข์ ประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2566 ให้สัมภาษณ์หลังเดินขบวนมาถึงลานคนเมือง ว่า ข้อเรียกร้องในปีนี้ ที่ยื่นต่อรัฐบาล มีทั้งหมด 7 ข้อ หลายข้อเป็นข้อเรียกร้องเดิมที่ยื่นมานาน 1.เรียกร้องให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 87 และ 98 ซึ่งเป็นข้อเรียกร้อง มาตลอด 31 ปี ตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน กลับไม่มีรัฐบาลไหน ตอบสนองข้อเรียกร้องดังกล่าว ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะที่ผ่านมาในหลายประเทศไม่รับสินค้าไทยเพราะรัฐบาลไม่ยอมรับรองอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งอนุสัญญานี้ไม่มีพิษอะไรแต่รัฐบาลไม่รับเพราะเกรงว่าจะทำให้กลุ่มแรงงานสามารถรวมตัวและมีอำนาจในการเจรจาต่อรอง

2.เรียกร้องให้กระทรวงแรงงานออกพระราชบัญญัติ หรือกฎกระทรวง ให้มีการตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง กรณีสถานประกอบการเลิกจ้าง โดยให้สถานประกอบการการเงินส่วนหนึ่งไว้ในธนาคาร หากไม่มีการเลิกจ้างเงินนั้นยังเป็นของนายจ้าง แต่เมื่อไหร่ที่เกิดการเลิกจ้าง ก็สามารถนำเงินนี้มาชดเชยให้ลูกจ้างได้ 3. สิทธิตามระบบประกันสังคม ซึ่งถือว่าดีที่สุดเมื่อ 30 ปีที่แล้วแต่ ณ วันนี้มีบางข้อที่ล้าสมัย เช่น เงินบำนาญชราภาพ ที่ให้สูงสุด อยู่ที่ 3,000 บาทซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ที่ไม่มีงานทำ ดังนั้นขอเรียกร้องให้มีการปรับเพิ่ม เงินบำนาญชราภาพเริ่มต้นที่ 5,000 บาท 4. ขอเรียกร้องให้คงสิทธิ์ 3 ประการให้กับผู้ประกันตน ที่เกษียณ และเข้าสู่ประกันตนเองตามมาตรา 39 ดังนี้ 1. การรักษาพยาบาลตลอดชีวิต โดยไม่ปรับเข้าสู่ระบบบัตรทอง 2. เงินชดเชยทุพพลภาพ และ3.ค่าทำศพ

“ขณะนี้รัฐบาลเป็นรัฐบาลรักษาการ ข้อเรียกร้องปี 66 เราจึงดำเนินการตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ผ่านมา แต่ ทันทีที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลังวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ทางเครือข่ายแรงงานของเรา จะมีการรีวิว และยื่นข้อเสนอเหล่านี้ต่อรัฐบาลใหม่ โดยย้ำในข้อเรียกร้องให้รัฐบาลต้องรับรอง อนุสัญญาไอเอาโอฉบับที่ 87 และ 98 ส่วนเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มไปเมื่อเร็วๆนี้ราวๆ 20 กว่าบาท และมีหลายพรรคการเมืองที่นำเรื่องค่าแรงขั้นต่ำมหาเศรษฐีอีกครั้ง ถือว่า เป็นประโยชน์ไม่คัดค้าน แต่จะเห็นว่า ในการเลือกตั้งปี 62 ก็มีรัฐบาล ที่เคยหาเสียง ว่าจะมีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 425 บาท แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาล กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทเลย เพราะฉะนั้นถ้าพูดแบบเบาๆ ถือเป็นการไม่รับถือเป็นการไม่รักษาคำพูดแต่ถ้าพูดแบบแรงๆ ถือว่าเป็นการตระบัดสัตย์” นายชินฌชติ กล่าว

นายชินโชติ ยังกล่าวถึงตัวเลขสถานการณ์แรงงานในประเทศไทยปัจจุบันแบ่งเป็นรายงานนอกระบบประมาณ 23 ล้านคน ส่วนรายงานในระบบ ก่อนโควิดมีอยู่ประมาณ 12.5 ล้านคน เหลือเพียงประมาณกว่า 10 ล้านคน

ด้าน นางเดือน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี คยงานอุตสาหดรรมสิ่งทอ ย่านพระประแดงสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตนอยากให้สปส. ทบทวนการเก็บเงินสมทบในกองทุนชราภาพ ให้หักในอัตรามากกว่าปัจจุบัน เพื่อให้ลูกจ้างแต่ละคนมีเงินออมเพิ่มขึ้น เพื่อให้ได้บำนาญชราภาพสูงขึ้น ปัจจุบันตนได้ค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ คากว่าบำนาญที่จะได้ก็แค่ 3 พันบาท ไม่เพียงพอ จึงเห็นว่าจำเป็นต้องเพิ่ม และขอให้ผู้บริหารสปส.พิจารณา หากให้เป็นระบบสมัครใจ ตนไม่มั่นใจว่าเงินที่ทนายจ้างหักไปจะเข้าสู่ระบบหรือไม่ หากมีนายจ้างไม่ส่ง ลูกจ้างจะเสียประโยชน์มาก.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img