วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกHighlightแฉคลัสเตอร์“รง.-แคมป์”ซีลไม่จริงจัง ปล่อยกลับภูมิลำเนาทำให้เชื้อกระจาย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แฉคลัสเตอร์“รง.-แคมป์”ซีลไม่จริงจัง ปล่อยกลับภูมิลำเนาทำให้เชื้อกระจาย

“กรมวิทย์ฯ” แฉบริหารจัดการคลัสเตอร์โรงงาน-แคมป์ “ซีลไม่จริง” ไม่เป็นระบบ ยังปล่อยให้แรงงานเดินทางกลับภูมิลำเนา ทำให้เชื้อแพร่กระจายในพื้นที่ต่างๆ เผยเวลานี้เป็นห่วงเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดียที่พบการแพร่ในหลายจังหวัด

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.64 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย Mr.NASHIDA Kazuya เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย, Dr.Daniel Kertesz ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย, นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รับมอบห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 เพื่อรองรับการระบาดโรคโควิด 19

นพ.ศุภกิจ เปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นให้งบประมาณประมาณ 30 กว่าล้านบาท ผ่านองค์การอนามัยโลก (WHO) พัฒนาห้องชีวนิรภัยระดับ 3 ที่สามารถจัดการกับเชื้อโรคอันตรายโดยไม่หลุดออกไปยังสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานได้ ซึ่งในประเทศมีไม่กี่แห่ง ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางองค์การอนามัยโลกมาตรวจสอบคุณภาพ และให้การรับรองแล้ว

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนสายพันธุ์อินเดียเป็นอันดับรองลงมา แต่พบในแคมป์คนงานเพิ่มขึ้นแถวนนทบุรี ส่วนภาคใต้เป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งจำนวนหนึ่งเจอนอกจังหวัดนราธิวาส โดยเป็นจังหวัดในภาคใต้ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ส่วนตัวเลขต่างๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไม่ได้ปกปิด สายพันธุ์แอฟริกาใต้นั้น ดื้อต่อวัคซีนพอสมควร แต่ความสามารถในการแพร่โรคไม่เร็วเท่าสายพันธุ์อังกฤษและสายพันธุ์อินเดีย ดังนั้นที่กังวลตอนนี้คือสายพันธุ์อินเดียที่พบว่ามีการติดเชื้อในหลายจังหวัดแล้ว ซึ่งตามหลักการได้แจ้งพื้นที่ให้ควบคุมแล้ว หากคุมได้ก็จะหยุดเร็วใน 14 วัน ไม่แพร่เชื้อในวง 2-วง 3 แต่อย่างที่ทราบว่าปัจจัยที่จะควบคุมได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นกับเราคนเดียว ต้องเคร่งครัดมาตรการต่างๆ จึงรายงานต่อฝ่ายความมั่นคงให้เข้มงวดแล้ว กิจกรรมใด หากให้งดทำ แต่ยังทำอยู่ ก็เป็นเรื่องยาก ที่จะลดการแพร่โรค รวมทั้งการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย อย่างเชื้อแอฟริกาใต้นั้น มีความชัดเจนว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อถามถึงกรณีโรงงานหลายแห่ง ไปดีลกับแล็บตรวจโควิดเอกชน ซึ่งอาจจะไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องมีการตรวจหาเชื้อใหม่ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า มีโรงงานหลายแห่งอยากตรวจเชิงรุก ก็ขอให้ติดต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ ไม่อยากให้ทำโดยพลการ เพราะมีตัวอย่างหลายโรงงานไม่เข้าใจว่า วิธีตรวจนั้น ตรวจด้วยอะไร แปลผลอะไร เช่น นำแรปปิดแอนติเจนไปตรวจ แล้วสรุปว่ามีคนติดจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเป็นการตรวจเบื้องต้นเพื่อสุ่มเท่านั้น แต่จริงๆ ต้องมีการตรวจด้วยวิธีการที่เป็นมาตฐาน คือการแยงจมูกตรวจด้วย RT-PCR หรือการตรวจน้ำลาย เพราะฉะนั้นเราเป็นห่วงเรื่องการตรวจหาเชื้อนั้น ขอให้มีการปรึกษากัน เพราะสุดท้าย พอตรวจเจอ ก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร แบบนี้ยิ่งทำให้เรื่องยุ่งไปอีก เพราะไม่ได้จบแค่การตรวจเท่านั้น

ปัญหาหนึ่งเวลาเจอคลัสเตอร์โรงงาน หรือแคมป์ เมื่อเกิดขึ้น มีการจัดการไม่เป็นระบบ ทำให้แรงงานจำนวนหนึ่งหนีออกนอกพื้นที่ ซีลไม่จริง เดินทางกลับบ้านภูมิลำเนา ทำให้เกิดการกระจายโรคไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้เยอะ นี่คือข้อสังเกตที่พบของการแพร่ระบาดในปัจจุบัน” นพ.ศุภกิจ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img