จับตาเดือน ธ.ค. เสี่ยงโควิด-19 แพร่ เหตุอากาศเย็นลง พบเชื้อใหม่ B .1.1.529 ตรวจเจอ 10 ราย ยังไม่พบหลบภูมิวัคซีน เตือนสกัด 4 เสี่ยงเกิดการระบาด “คน-สถานที่-เวลา-กิจกรรม’’ วอนอย่าปัด-อย่าเลื่อนฉีดวัคซีน
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 64 ศ.นพ.ประสิทธิ วัฒนาภา คณบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด -19 ทั่วโลก ว่า สถานการณ์การระบาดในทวีปต่างๆ โดยเฉพาะเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย การระบาดเริ่มลดลงอย่างชัดเจน ยกเว้นทวีปยุโรปที่กลับมาระบาดใหม่และอยู่ในช่วงขาขึ้น ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และอิตาลี
ที่น่าเป็นห่วงคือเป็นฤดูหนาว สาเหตุหนึ่งเพราะผ่อนคลายมาตรการป้องกันโรค ให้มีการทำกิจกรรม และเปิดหน้ากากกัน เนื่องจากมั่นใจในประสิทธิภาพของวัคซีน ทำให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตไม่สูงนัก แต่หากเสียชีวิตทุกวันก็จะเป็นตัวเลขที่มาก
อย่างไรก็ตาม ในคนที่ไม่ฉีดวัคซีน หรือฉีดไม่ครบโดส เช่น สหรัฐฯ ที่ฉีดวัคซีนเยอะ แต่ยังมีปัญหาคนจำนวนหนึ่งไม่ยอมฉีด ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสียชีวิต ขณะนี้หลายประเทศในยุโรปเริ่มประกาศล็อคดาวน์ และฉีดวัคซีนเข็ม 3 แล้วจากก่อนหน้านี้ยังไม่เชื่อเรื่องการฉีดเข็ม 3 ในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ฉีดเข็ม 3 เพราะเราเห็นการระบาดในกลุ่มบุคลากรแม้ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว
คณบดี คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ปัจจุบันทั่วโลกฉีดวัคซีนแล้วกว่า 7 พันล้านโดส ครอบคลุม 70 % ประชากรโลก และยังฉีดกันอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของประเทศไทย ที่มีประชากร 70 ล้านคน ปัจจุบันฉีดวัคซีนแล้วกว่า 89 ล้านโดส ครอบคลุม 67.1% ของประชากร โดยเข็ม 1 ครอบคลุม 56.3 % และก็ยังฉีดต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง ของเราได้รับการฉีดวัคซีนเยอะ ยกเว้นกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ยังฉีดน้อย ซึ่งต้องบอย้ำวัคซีนส่งผลกระทบกับลูกน้อยมาก ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์หากเติดเชื้อจะเสี่ยงเสียชีวิตมากกว่าคนทั่วไป 2 เท่า
ดังนั้นจึงอยากให้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 12 สัปดาห์แล้วเข้ารับวัคซีนป้องกันโรค รวมถึงประชาชนทั่วไทยที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดยังไม่ครบโดส ก็ขอให้ฉีดให้ครบโดสเพราะปัจจุบันเรามีสูตรการฉีดวัคซีนที่กระตุ้นได้ใน 4 สัปดาห์
ทั้งนี้ ขอย้ำปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 คือ วัฒนธรรมความเชื่อ ความเป็นอิสระ การไม่ยอมรับหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง ความไม่ไว้วางใจในความปลอดภัยของประสิทธิ์ภาพของวัคซีน การผ่อนคลายสภาวะที่ถูกควบคุม การร่วมกิจกรรมสันทนาการโดยไม่มีการควบคุม ภูมิอากาศ อุณหภูมิลดลงทำให้คนอยู่ในอาคาร อากาศถ่ายเทไม่สะดวก และไม่ใส่หน้ากาก การฉีดวัคซีนนานแล้วภูมิคุ้มกันเริ่มตก ทำให้ต้องมีการฉีดกระตุ้น การหลายพันธุ์ของไวรัส
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 24 พ.ย. องค์การอนามัยโลกยังจับที่สายพันธุ์ 4 ตัวเดิมคืออัลฟา แกรมมา เดลตา และเบตา ส่วนสายพันธุ์มิวและแลมดาก็ยังเฝ้าติดตาม มีการพบสายพันธุ์ใหม่ B .1.1.529 แต่ไม่ต้องตกใจเพราะมีการถอดรหัส พบ 10 ราย เจอที่บอสวานา 3 ราย ฮ่องกง 1 ราย แอฟริกาใต้ 6 ราย โดยมีการกลายพันธุ์ 32 จุดที่เกี่ยวข้องกับสไปรท์โปรตีน ซึ่งเป็นตัวที่เข้าสู่เซลล์ทำให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้นำสดไปรท์โปรตีนไปผลิตวัคซีน แต่หากตรงนี้กลายพันธุ์จนเพี้ยนอาจจะทำให้เชื้อหลุดรอดจากวัคซีนที่ฉีด แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม
ศ.นพ.ประสิทธิ กล่าวต่อว่า ข้อพิจารณาและแนะนำในการเปิดประเทศ ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นซึ่งทำได้ดี พบว่าฉีดวัคซีนแล้ว 70% ตอนนี้สถานการณ์สงบ ปลอดภัย การเปิดประเทศสามารถทำได้ดี ประเทศอิสราเอลเช่นกันที่มีอัตราการติดเชื้อหลักพันราย แต่เสียชีวิตต่ำ ซึ่งการที่เราจะสามารถเปิดประเทศได้ดีอยู่ที่การมีวินัยของทุกฝ่าย คงมาตรการป้องกันตัวเอง ป้องกันการแพร่ระบาดของทุกฝ่าย โดยเข้ารับการฉีดวัคซีน หากพบมีสัญญาณระบาด ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงมาตรการอย่างรวดเร็ว และชัดเจน
ดังนั้น ใส่หน้ากากถูกวิธี เว้นระยะห่าง ล้างมือ รายงานตัวและตรวจหาเชื้อเมื่อมีความเสี่ยง หากทำได้เราก็จะปลอดภัยมากขึ้น สิ่งสำคัญคืออย่าให้ 4 เสี่ยงมาเจอกัน คือเวลาเสี่ยง บุคลเสี่ยง สถานที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง
โดยในช่วงเวลาเสี่ยงคือเดือนธ.ค. ที่เราหยุดยาว มีเทศกาล และอากาศเย็นลง ย้ำผู้ประกอบการอย่าทำสถานบริการของท่านให้เป็นสถานที่เสี่ยง และมีกิจกรรมเสี่ยง อย่าให้มีคนเสี่ยง จึงต้องให้ฉีดวัคซีน และสวมหน้ากาก ประชาชนก็อย่าทำให้ตัวเองเป็นคนเสี่ยง และเข้าไปในสถานที่เสี่ยง หากเราช่วยกันปีใหม่เราสามารถเปิดปีใหม่ได้อย่างมีความสุขแต่หากไม่ร่วมกันเราก็จะเจอเหตุการณ์ที่เราไม่อยากให้เจอ วันนี้เราไม่มีความจำเป็นต้องย้อนกลับไปปิดประเทศอีกดังนั้นเราต้องช่วยกัน เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ เศรษฐกิจเดินหน้าได้.
