วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlight“สธ.”ยืนยัน“ฟาวิพิราเวียร์”มีเพียงพอ!! บางพื้นที่ขาดส่ง‘เหตุข้อมูลไม่อัพเดท’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สธ.”ยืนยัน“ฟาวิพิราเวียร์”มีเพียงพอ!! บางพื้นที่ขาดส่ง‘เหตุข้อมูลไม่อัพเดท’

“สธ.” แจง “ยาฟาวิพิราเวียร์” มีสต็อกกว่า 25 ล้านเม็ด รับบางพื้นที่ขาดส่งเหตุรวบข้อมูลการใช้ยารวมทำให้ส่วนกลางไม่รู้สถานการณ์ยาแท้จริง พร้อมสั่งอภ.สำรองยาฟาวิฯ-โมลนูพิราเวียร์ รับการระบาดสงกรานต์ 75 ล้านเม็ด 

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.65 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงเรื่อง การบริหารจัดการยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ว่า จากสถานการณ์โควิดปัจจุบันติดเชื้อ 2 – 4 หมื่นรายต่อวัน รวมการตรวจ ATK  ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้ยารักษา ทั้งฟาวิพิราเวียร์ โมลนูพิราเวียร์ และยาแพกซ์โลวิด

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลวันที่ 28 มี.ค.2565 มียาฟาวิพิราเวียร์คงคลังทั่วประเทศทั้งหมด 22.8 ล้านเม็ด และส่วนกลางอีก 2.2 ล้านเม็ด ตั้งแต่เดือนมี.ค.ถึงปัจจุบันกระจายยาไปแล้ว 72 ล้านเม็ด ทั้งนี้ ปัจจุบันมีการใช้ยาสูงเฉลี่ยวันละ 2 ล้านเม็ด ดังนั้น อัตราการใช้จึงอยู่ที่ 10 วัน แต่ก็มียาเพิ่มเติมตลอดเวลา และได้มีการกระจายยาและคีย์ข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ VMI ว่าใช้ไปเท่าไหร่ ก็จะปรากฏข้อมูลที่ส่วนกลาง ทำให้ทราบว่าเหลือยาเท่าไหร่ จากนั้นก็จะเติมไปให้ โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.)จะเป็นผู้จัดหายาเติมให้

“ใน 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยสูงขึ้น จึงมีการใช้ยาเพิ่มและไม่ได้คีย์ข้อมูลเป็นปัจจุบัน มาคีย์ครั้งเดียว ทำให้ส่วนกลางไม่ทราบว่า บางที่มีการใช้ไปเท่าไหร่ จึงเป็นเหตุให้เติมไม่ทัน แต่ไม่ได้ขาดยา เพราะมีการบริหารจัดการหมุนเวียนในจังหวัด รพ.ข้างเคียงส่งไปเติมได้” นพ.ธงชัย กล่าว

รองปลัด สธ. กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการทุกรายไม่จำเป็นต้องรับยา เพราะส่งผลต่อตับ ไตวาย รวมถึงเมื่อฉีดวัคซีนแล้วสามารถสู้กับเชื้อได้ 5-7 วัน ดังนั้น ทั้งหมดจะเป็นไปตามแนวปฏิบัติการรักษาของผู้เชี่ยวชาญ เป็นการสำรองยาสำหรับคนที่ต้องการยาจริงๆ ทั้งนี้ข้อมูลจากสูตรการรักษา “เจอ แจก จบ” เขตสุขภาพที่ 4, 5 และ 6 มีการจ่ายยายาฟาวิพิราเวียร์ให้ผู้ป่วย 26% ฟ้าทะลายโจร 24% อีก 52% ให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ซึ่งที่ผ่านมาพบ 0.5% มีอาการรุนแรงสูงขึ้นต้องไปรพ. ดังนั้น ต้องสังเกตอาการหากรุนแรงขึ้นก็จะได้รับช่วยเหลือในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป แต่ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง

ด้าน ภญ.ศิริกุล เมธีวีรังสรรค์ รองผอ.อภ. กล่าวว่า หลังจากกระทรวงสาธารณสุขมอบให้ อภ.มีการสำรองยา 110 ล้านเม็ดเมื่อปลายเดือน ก.พ.2565 ซึ่ง อภ. ก็ได้ทยอยส่งมอบให้สธ.ประมาณ 80 ล้านเม็ด และอีก 30 ล้านเม็ดจะทยอยส่งต่อเนื่องจนถึงกลางเม.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ปลายเดือน มี.ค. สธ.ไดให้สำรองยารองรับเทศกาลสงกรานต์ และแจ้งแผนความต้องการเป็นฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ 75 ล้านเม็ด ซึ่งขณะนี้ อภ.ได้เตรียมการสำรองแล้ว โดยจะมากลางเม.ย.นี้ ส่วนยาโมลนูพิราเวียร์ เมื่อมีการลงนามในสัญญา จะมีการส่งยาภายใน 2 สัปดาห์ อีกประมาณ 10 ล้านเม็ด

ขณะที่ นายมานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ยามีทั้งข้อดีข้อเสีย จึงจำเป็นต้องให้ยากับคนที่จำเป็นต้องรับยาจริงๆ โดยผลกระทบจากการใช้ยา โดยในหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะไตรมาสแรกจะมีผลกระทบกับพัฒนาการทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ยังมีผลกระทบกับกลุ่มมีปัญหาโรคตับ โรคไต เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร และยาฟาวิพิราเวียร์ทำให้กรดยูริคสูงขึ้นด้วย

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img