“วันนอร์” นำลูกพรรครายงานตัวสภาฯ เชื่อ “ก้าวไกล” ชี้ปมเลือกประธานสภาฯ ไม่เคยเห็น ฝ่ายตรงข้ามเสนอชื่อฝั่งตรงข้าม แย่งเก้าอี้ ยัน ประชาชาติโหวตตามมติพรรค-พรรคร่วมรัฐบาล
วันที่ 21 มิ.ย.2566 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ นำ 8 ส.ส.ของพรรค เข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยนายวันนอร์ ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนการแบ่งโค้วต้ารัฐมนตรีว่า ไม่ได้คุยกัน เพราะต้องรอให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ติดโควิดหายดีก่อน แล้วจึงหารืออีกครั้ง ทั้งนี้พรรคประชาชาติไม่มีการต่อรองเรื่องเก้าอี้ร้ฐมนตรีตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่าจะขอเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยเพิ่มอีก1 ตำแหน่ง ส่วนจะได้ตำแหน่งใดนั้นขอให้เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับพรรคประชาชาติ เนื่องจากพรรคมาเพื่อทำงานและทำประโยชน์ให้ประชาชน
เมื่อถามถึงการแบ่งโควต้าตำแหน่งประธานสภาฯ หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ตกลงกันเอง ส่วนรองประธานสภาฯนั้น ปกติตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง คือ พรรคที่ได้คะแนนมากอันดับสอง และรองประธานคนที่สอง เป็นของพรรคอันดับสาม สำหรับการเลือกประธานสภาฯ ปกติหากมีคู่แข่งต้องลงมติลับ แต่หากมีชื่อคนเดียวไม่เป็นปัญหา และเราจะปฏิบัติตามข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะให้พรรคใด ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ และพรรคประชาชาติจะลงมติตามมติพรรค และข้อตกลงของพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าหากมีปัญหาจะปล่อยให้ ส.ส.ฟรีโหวต ปกติไม่เป็นแบบนั้นเพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมา
เมื่อถามถึงการเสนอชื่อประธานสภาฯ แข่งขันของพรรคฝ่ายค้าน นายวันนอร์ กล่าวว่า ฝ่ายตรงข้ามเสนอแข่งตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยเห็น ดังนั้นการออกเสียงเพื่อเลือกประธาน และรองประธานสภา ของพรรคประชาชาติจะเป็นไปตามมติของพรรคและมติพรรคร่วมรัฐบาล สำหรับคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ตนมองว่าต้องมีความรู้ความสามารถ ดูแลการประชุมสภาฯ ให้เรียบร้อย และต้องทำงานได้อย่างมีเกียติ มีศักดิ์ศรี เพราะสภาฯ มีหน้าที่ออกกฎหมาย และตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร
“ผมเชื่อว่าพรรคที่ได้ตำแหน่งดังกล่าวจะคัดเลือกคนที่ดีที่สุด และผมหวังว่าทุกพรรคจะเลือกคนที่ดีเข้ามาทำหน้าที่ประธานสภาฯ เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนจะผิดหวัง”อดีตประธานสภาฯ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีที่ประธานสภาฯ เป็นโควต้าพรรคก้าวไกล มองว่าจะทำให้เกิดชนวนขัดแย้งหรือไม่ เพราะพรรคก้าวไกลต้องการผลักดันร่างกฎหมายที่สังคมกังขา นายวันนอร์ กล่าวว่า คงไม่มีความขัดแย้ง เพราะการประชุมสภาฯ มีการลงมติยึดเสียงข้างมากและเป็นปกติที่จะโต้แย้งในญัตติต่างๆ มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยถือเป็นธรรมดาของฝ่ายนิติบัญญัติ ความเห็นไม่ตรงกันไม่ใช่เรื่องความแตกแยก
