‘พิธา’ เผยมีคนเหมาะนั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ 4-5 คน ได้ตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ 23 ก.ย.นี้ บอกอยู่ในตำแหน่งไหนก็ทำงานได้มั่นใจพูดแล้วมีคนฟัง เตรียมเดินสายเขย่าการเมืองไทยทั้งใน-นอกประเทศ
เมื่อวันที่ 15 ก.ย.66 ที่สโมสรราชพฤกษ์ นอร์ธปาร์ค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกลให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า ก็คือการเห็นส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว ซึ่งน่าจะเป็นสำนึกของนักการเมือง ตนหมายความว่าในเรื่องของส่วนรวมในบริบทของการเมือง ณ ปัจจุบัน ฝ่ายค้านต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในเชิงทั้งมหภาคและจุลภาค ซึ่งในเชิงมหภาคผู้นำฝ่ายค้านก็มีความจำเป็นที่จะต้องเป็นเรือหลักในการนำทิศทาง การอภิปรายสำคัญๆ อภิปรายงบประมาณ อภิปรายแนะนำรัฐบาล อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้กระทั่งจุลภาคเรื่องของการแต่งตั้งประธานวิปฝ่ายค้านตามข้อบังคับ ก็จะต้องมีผู้นำฝ่ายค้าน อันนี้คือเรื่องของส่วนรวมที่ไม่ต้องห่วงตน ห่วงประชาชน ห่วงบ้านเมือง ห่วงประเทศดีกว่า
นายพิธา กล่าวต่อว่า พอมาเป็นเรื่องของส่วนตัว ตนก็ยังยืนยันคำเดิมเหมือนอย่างที่เคย พูดที่ จ.ระยองไว้ว่าตนไม่ได้ยึดติดกับหัวโขน ตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง และเชื่อว่า ปัจจุบันตนสามารถทำงานได้ แม้ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรเลย อย่างไรก็ตามต้องเรียนพี่น้องให้ชัดๆ ว่ายังเป็น สส.ที่เข้าสภาไม่ได้ เป็น สส.ที่ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็ยังสามารถทำงานในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกล และ สส.ที่เข้าสภาไปทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะฉะนั้นยังจิตใจเกินร้อย แล้วก็ยังเดินหน้าทำงานในช่วงที่รอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอยู่
“เผลอๆ อาจจะเจอผมมากกว่าเดิม ก็ยังเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย และเขย่าปัญหาพี่น้องประชาชนผ่านตะแกรงร่อนและส่งต่อให้เพื่อน สส.พรรคก้าวไกล และฝ่ายค้านที่ยังอยู่ในสภา ก็มีกำหนดการในการเดินทางไปทั่วประเทศ เดี๋ยวจะขึ้นเชียงใหม่ ไปถึงอ๋อมก๋อย ลงใต้ไปหลาย ๆ พื้นที่ ที่มี สส.ก้าวไกล และพื้นที่ๆ ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ แต่ไม่มี สส.เขตก็ยังจะเดินทางไปอยู่ รวมถึงเตรียมเดินทางไปต่างประเทศ เช่น นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา หรืออย่าง อังกฤษ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ก็ได้เชิญไปพูด รวมถึงญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ ก็จะใช้เวลาตอนนี้ในการเขย่าการเมืองไทย ทั้งในประเทศและนอกประเทศด้วย” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า บทบาทหน้าที่ของนายพิธาในพรรคก้าวไกลต่อจากนี้คืออะไร นายพิธา กล่าวว่า ตามกฎหมายตอนนี้ก็ยังเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค จนกระทั่งถึงวันที่ 23 ก.ย. ที่จะมีการประชุมวิสามัญพรรคก้าวไกล ขอพูดให้ชัดว่าวันที่ 23 ก.ย.เป็นการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แล้วก็เลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ วันที่ 24 ก.ย. ที่สนามกีฬาเวสน์ ดินแดง ก็จะเป็นกิจกรรมของพรรคที่แยกออกมา หลังมีหัวหน้าพรรคคนใหม่หลังวันที่ 24 ก.ย. เป็นต้นไปก็จะเป็นส่วนของฝ่ายค้านเชิงรุกอย่างที่ได้เคยประกาศไว้
เมื่อถามว่า คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคมีเกณฑ์คัดเลือกและคัดสรรอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกก็คือขึ้นอยู่กับการประชุมวิสามัญพรรคก้าวไกล ว่าสมาชิกจะเห็นว่าใครควรจะเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ประเด็นที่สองขึ้นอยู่กับเจ้าตัว ปัจเจกคนที่โดนเสนอชื่อจะยอมเป็นหรือไม่ ในส่วนตัวของตนคิดว่ามีคนที่มีความเหมาะสม 4-5 คน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเอาบู๊หรือบุ๋น ตนก็ไม่ได้กังวลใจอะไร แต่ว่าพรรคเรามันไม่ได้เป็นพรรคที่มีเจ้าของ ที่หัวหน้าคนที่หนึ่งจะบอกให้ใครเป็นคนที่สอง มันเป็นระบบ มันมีกฎหมาย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีเรื่องข้อบังคับพรรค ซึ่งตนคิดว่าพรรคก้าวไกลมีความพร้อม ซึ่งทั้งประชาชน สื่อมวลชน ก็น่าจะคิดออกว่ามีอยู่อย่างน้อย 4-5 คนที่จะสามารถขึ้นมานำพรรคได้ในช่วงที่ตนรอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า มีการมองว่าหากพรรคก้าวไกลรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน จะทำให้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อาจต้องไปอยู่พรรคอื่น เพื่อรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนั้นต้องรอหลังการประชุมวิสามัญพรรค มันเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะหารือกับนายปดิพัทธ์ ดังนั้นต้องรอเวลาตรงนั้น และคงต้องฟังความคิดเห็นจากนายปดิพัทธ์ด้วย
ต่อข้อถามว่า หากในอนาคตศาลรัฐธรรมนูญคืนสถานะ สส.ให้แล้วจะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ไม่ได้เป็นเรื่องตนคนเดียว เป็นเรื่องของข้อบังคับและสมาชิกพรรค แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะรับตำแหน่งอีกรอบหรือไม่ ให้เป็นเรื่องของอนาคต
ส่วนการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไว้ก่อน สะท้อนถึงความไม่มั่นใจในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าไปโยงอย่างนั้นคงไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ถามว่าทางฝั่งเรายังมีความมั่นใจในการขับเคลื่อนพรรคในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก ในฐานะพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ ยังมั่นใจเกิน 100 แต่ในส่วนรูปคดี ก็ต้องรอถึงกระบวนการที่เกิดขึ้น แต่ฝ่ายกฎหมายของเราก็ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งผู้สื่อข่าวทุกคนก็สามารถเทียบจากฎีกาจากสภาสมัยที่แล้วว่าอะไรเป็นสื่อหรือไม่เป็นสื่อ ถ้าแบบนี้แล้วความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตนก็มั่นใจได้ทั้ง 2 เรื่อง คือเรื่องที่จะได้กลับมาเป็น สส. และมั่นใจเรื่องการขับเคลื่อนพรรคโดยหัวหน้าคนใหม่
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรกับการได้รับการจัดอันดับ 100 ผู้ทรงอิทธิพลในอนาคตของนิตยสารไทม์ นายพิธา กล่าวว่า ก็ดีใจ ที่ทั่วโลกไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเห็นความพยายามที่จะเขย่าการเมืองไทย และพร้อมที่จะขยับเขยื้อนให้ประเทศไทยมีส่วนสำคัญในบริบทอาเซียน และบริบทโลก รวมทั้งการถ่วงดุลอำนาจระหว่างมหาอำนาจเพื่อให้ประเทศไทยไปสู่อนาคตได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล มีความเหมาะสมในตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มีเหมาะสม 4-5 คน น.ส.ศิริกัญญาก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อถามย้ำว่า น.ส.ศิริกัญญามีความเหมะสมหรือไม่ และจะเป็นผู้นำฝ่ายค้านหญิงคนแรกด้วย นายพิธา กล่าวว่า จริงๆ ก็เป็น 1 ในรองหัวหน้าพรรค 4 คน อย่างที่บอกว่าพรรคก้าวไกลมีคนที่เหมาะสม 4-5 คนซึ่งในมุมของตนคนเดียว ไม่รู้ว่าสื่อมวลชนจะมองกันอย่างไร ก็ต้องรอดูต่อไป ยังมีเวลาอีก 7-8 วัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายพิธาให้คำนิยามการเมืองในช่วงเวลานี้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าเป็นการเมืองของคน 1 เปอร์เซ็นต์ กับการเมืองของคน 99 เปอร์เซ็นต์ และพรรคก้าวไกลพร้อมที่จะรับรองคนทั้ง 99 เปอร์เซ็นต์เพื่อสู้กับคน 1 เปอร์เซ็นต์
เมื่อถามว่า มีการมองว่านายพิธาลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคครั้งนี้พร้อมเดินเกมนอกสภาเต็มรูปแบบ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้เป็นการเดินเกมแต่อย่างใด ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ รัฐธรรมนูญที่เราต้องการเปลี่ยนเป็นมาแบบนี้ ก็จะเป็นที่จะต้องเอาส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว ซึ่งในเชิงส่วนตัวตนสามารถทำงานได้โดยที่ไม่มีตำแหน่งอะไร การเป็นผู้แทนราษฎรที่จะพูดแทนราษฎร ตนก็ยังเชื่อว่าไม่ว่าตนจะลงไปในพื้นที่ อ.อมก๋อย ที่มีปัญหาเหมือง หรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีปัญหาสันติสุข สันติภาพ ตนเชื่อว่าเวลาตนพูดอะไรก็มีคนฟัง และน่าจะแก้ปัญหาได้
เมื่อถามว่า มีอะไรฝากถึงด้อมส้มหรือผู้สนับสนุนนายพิธาที่กำลังขวัญเสียกับการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่นายพิธา กล่าวว่า “เจอกันทั่วประเทศ เจอกันทั่วโลก และจนกว่าเราจะกลับมาเจอกันใหม่”
