วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlightตั้งเป้ากวาดล้างยาเสพติดให้หมดใน1ปี นายกฯลั่น“ภายในรัฐบาลนี้ต้องหมดสิ้น”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ตั้งเป้ากวาดล้างยาเสพติดให้หมดใน1ปี นายกฯลั่น“ภายในรัฐบาลนี้ต้องหมดสิ้น”

นายกฯ ตั้งเป้ากวาดล้างยาเสพติดให้หมดจากประเทศใน 1 ปี ภายในรัฐบาลนี้จะต้องหมดสิ้น เปลี่ยนคนเสพเป็นผู้ป่วย บำบัดคืนสู่สังคมมีงานทำ ด้าน อย.ส่งมอบอำนาจเก็บสิ่งเสพติดของกลาง ป.ป.ส. มั่นใจไม่เวียนขาย

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.66 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไข ปัญหายาเสพติด โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข, นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม, นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าหน่วยราชการจากกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมประชุม

นายเศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่า ปัญหายาเสพติดกระจายอยู่ทุกหย่อมหญ้า ขณะที่ตนลงพื้นที่หาเสียง มีประชาชนเข้ามาร้องเรียน และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายที่ลงพื้นที่หาเสียง ต่างก็พบเจอปัญหาเช่นกัน ดังนั้นพรรคร่วมรัฐบาลเราจึงให้ความสำคัญ และให้คำมั่นสัญญาว่า จะทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยตนจะนั่งหัวโต๊ะเพื่อแก้ปัญหาให้หมดไปในระยะเวลาอันสั้น ทั้งการเปลี่ยนจากผู้เสพเป็นผู้ป่วย บำบัดรักษาดูแลและส่งคืนอ้อมกอดของพ่อแม่ สามารถประกอบอาชีพที่เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องมีการป้องกันในระยะต้นน้ำไม่ให้มีการเสพ ส่วนระยะสุดท้าย เมื่อมีการยึดยาเสพติดของกลางมาแล้ว จะต้องมีการกระชับเวลาในการทำลายให้สั้นลง รวมถึงเรื่องของระยะเวลาการยึดทรัพย์ เพราะหากใช้เวลานานจะทำให้ผู้ผลิตมีต้นทุนที่แข็งแกร่งสามารถกลับมาผลิตยาเสพติดได้อีก ตลอดจนจะต้องมีมาตรการในการป้องกัน การลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในประเทศ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถึงอย่างไรก็ต้องมีจุดเริ่มต้น และขอให้วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการขจัดปัญหาออกจากสังคมไทย

“ในฐานะนายกฯ ขอเป็นกำลังในการคุมทุกหน่วยงานรวมถึงประชาชนมาร่วมกันแก้ปัญหา ทำงานภายใต้หลักนิติธรรม นิติรัฐทำให้ประชาชนเชื่อมั่นได้อยากทำงานร่วมกับรัฐ รู้สึกปลอดภัยที่จะแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่ รัฐบาลนี้เอาจริง ผมขอตั้งเป้าที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัญหายาเสพติดจะต้องลดลงให้ได้ภายใน 1 ปี วันนี้ที่ผมมาเป็นสักขีพยานการเขาทำลายยาเสพติดครั้งนี้ ซึ่งเป็นผลงานในการปราบปรามยาเสพติด ขอบคุณทุกคนที่จะคืนลูกหลานให้กับชุมชน วันนี้เป็นตัวอย่างของการใช้กฎหมายยาเสพติดอย่างมีประสิทธิภาพ ที่เปิดให้เราเผาทำลายยาเสพติดได้เลย รัฐบาลนี้จะต้องทำให้ยาบ้าหมดไปให้ได้ นำมาทำลายให้หมด”นายกฯกล่าวและว่า ผู้ค้าต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด คน เหล่านี้เป็นอาชญากร ไม่กลัวการติดคุกติดตาราง แต่กลัวการยึดทรัพย์เหล่า จึงต้องจัดการให้เด็ดขาดอย่าให้เกิดการถ่ายโอน

จากนั้นในเวลา 14.30 ณ บริษัท อัคคีปราการ จำกัด นายเศรษฐาได้เป็นประธานในพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง จากคดียาเสพติด 100 คดี โดยเป็นยายาบ้า 12,522 กิโลกรัม ไอซ์ 11,656 กิโลกรัม เฮโรอีน 418 กิโลกรัม ฝิ่น 179 กิโลกรัม คีตามีน 704 กิโลกรัม และสารเสพติดอื่น ๆ น้ำหนักรวม 25,517 กิโลกรัม ซึ่งทำลายโดยการเผาไหม้ด้วยระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง 2 ชุด เผาไหม้ที่ 800-1,200 องศาเซลเซียส ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมระบบควบคุมมลพิษอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำลายได้หมดสิ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน

ด้านนายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวถึงการเผาทำลายยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดที่สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องรอคดีสิ้นสุดซึ่งบางคดีใช้เวลาเป็น 10 ปีซึ่งช่วยลดภาระในการเก็บรักษาได้จำนวนมาก

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุขได้แต่งตั้งให้สำนักงาน ป.ป.ส. เป็นสถานที่เก็บรักษายาเสพติดของกลาง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2566 เพื่อให้การดำเนินการเก็บรักษายาเสพติดของกลางเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ส. ว่าด้วยการตรวจรับ การตรวจพิสูจน์ การเก็บรักษา การทำลาย การนำไปใช้ประโยชน์ และการรายงานยาเสพติด พ.ศ.2565 ทำให้กระบวนการตรวจรับเก็บรักษาและทำลายยาเสพติด สามารถดำเนินการได้โดย สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อให้กระบวนการทำลายยาเสพติดทำได้รวดเร็วขึ้น และลดภาระการเก็บรักษา พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ายาเสพติดที่จับมาได้นั้น จะถูกทำลายโดยเร็วหลังการตรวจพิสูจน์ ไม่มีการนำมาเวียนขายได้ โดยจะเผาทำลายยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประจำจุดเผาทำลายยาเสพติดได้มีการอธิบายถึงขั้นตอนวิธีการว่า หลังมีการจับกุมแล้วจะมีการส่งพนักงานสอบสวน ส่วนยาเสพติดจะบรรจุปิดฉลากลงลายมือชื่อผู้จับกุม นำส่งสถาบันตรวจพิสูจน์ เพื่อยืนยันว่าเป็นยาเสพติดจริงหรือไม่ ปริมาณเท่าไหร่ เป็นยาชนิดไหน โดยมี 3 หน่วยงานตรวจสอบร่วมกันคือ สำนักงานป.ป.ส. โดยสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน ของตำรวจและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์,ของกระทรวงสาธารณสุข โดยของกลางจะมีการเก็บในห้องมั่นคง ป.ป.ส. รอกระบวนการทางคดีเสร็จสิ้นและจะนำเข้าสู่กระบวนการเผาทำลาย.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img