วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2024
หน้าแรกNEWSสภาถกงบฯปี 67 วันสุดท้าย “ปชป.-พท.”ปะทะเดือด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สภาถกงบฯปี 67 วันสุดท้าย “ปชป.-พท.”ปะทะเดือด

สภาถกงบฯปี 67 วันสุดท้าย คาดลงมติวาระแรกคืนนี้ 4 ทุ่ม ‘ปชป.-เพื่อไทย’ปะทะเดือด แห่ประท้วง

เมื่อเวลา 09.55 น.วันที่ 5 ม.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันสุดท้าย โดยบรรยากาศภายในห้องประชุมเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงสส.ที่ได้คิวอภิปรายในช่วงเช้าเข้ามาภายในห้องประชุมเพื่ออภิปรายตามลำดับ สำหรับเวลาที่สภาฯใช้อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ใช้เวลารวมแล้ว 30 ชั่วโมง 24 นาที แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรีใช้เวลารวม 5 ชั่วโมง 11 นาที สส.พรรคร่วมรัฐบาลใช้เวลา 10 ชั่วโมง 45 นาทีคงเหลือเวลาการอภิปราย 4 ชั่วโมง 3 นาที ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านใช้เวลารวม 13 ชั่วโมง 46 นาที คงเหลือเวลาอภิปราย 6 ชั่วโมง 13 นาที ส่วนเวลาของประธานในที่ประชุมใช้เวลารวม 41 นาที คงเหลือเวลา 2 ชั่วโมง 18 นาที ทำให้การอภิปรายในวันสุดท้ายก่อนจะลงมติว่าจะรับหรือไม่รับหลักการแห่งร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ เหลือเวลา 12 ชั่วโมง 35 นาที และคาดว่าจะยุติการอภิปรายได้ก่อนเวลา 21.00 น. ก่อนจะลงมติวาระแรกในเวลาประมาณ 22.00 น. ตามด้วยการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ จำนวน 72 คน เพื่อพิจารณาในวาระ 2 ต่อไป

สำหรับภาพรวมการอภิปรายในช่วงเช้ามีสส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลลุกขึ้นสลับกันอภิปราย จนกระทั่งน.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปราย ซึ่งช่วงเกริ่นนำก่อนเข้าเรื่องเกิดเหตุปะทะคารมกันเล็กน้อยระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย เนื่องจาก น.ส.สุณัฐชากล่าวพาดพิงถึงเรื่องในอดีตสมัยรัฐบาลพรรคของนายทักษิณ ชินวัตร ทั้งกรณีการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละภาคที่แตกต่างกันตามความนิยมในขณะนั้น อีกทั้งการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่เกิดความผิดพลาด 

โดยน.ส.สุณัฐชา กล่าวตอนหนึ่งว่า เงินภาษีทุกบาททุกสตางค์จะต้องได้รับการจัดสรรอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกที่รักมักที่ชังเนื่องจากเหตุผลทางการเมืองเหมือนในอดีต ซึ่งประชาชนในภาคใต้ถูกเลือกปฏิบัติเพียงเพราะเหตุผลไม่นิยมชมชอบพรรครัฐบาลในขณะนั้น และตนมีข้อกังวลในการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลเศรษฐีภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ที่ได้รับฉายาว่าเป็น “เซลส์แมนสแตนด์ชิน” ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลชุดนี้มีดีเอ็นเอหรือรากเหง้ามาจากพรรคไทยรักไทยที่มีนายใหญ่“สายชิน” เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลในปี 2544 และเป็นเจ้าของคำพูดที่ว่า “จังหวัดไหนไม่เลือกเรา ให้รอการพัฒนาไปก่อน” ต่อมาแปรสภาพพรรคเป็นพรรคพลังประชาชน แล้วจบด้วยการยุบพรรคที่สุดกลายเป็นพรรคเพื่อไทยที่เมินการจัดสรรงบประมาณลงภาคใต้ แต่ใช้งบประมาณ 1.39 ล้านล้านบาทไปกับโครงการรับจำนำข้าว

จากนั้น นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงน.ส.สุณัฐชาว่า ทำผิดข้อบังคับ และขอให้อภิปรายอยู่ในประเด็นการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ อย่าย้อนไปไกลถึงเรื่องในอดีต แต่นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นตอบโต้นายสรวงศ์ โดยยืนยันว่าน.ส.สุณัฐชา ยังอภิปรายอยู่ในประเด็น และไม่ได้ไปกระทบกระเทือน“ทูนหัวของบ่าว” ทำให้นายสรวงศ์ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอให้นายพิทักษ์เดชถอนคำพูดดังกล่าว และสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ได้ผลออกมาแล้ววันนี้ ขณะที่นายพิเชษฐ์ได้กล่าวตัดบทและอนุญาตให้น.ส.สุณัฐชาอภิปรายต่อ

จากนั้น น.ส.สุณัฐชา ได้กล่าวอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯต่อ พร้อมกับแสดงภาพของนายเศรษฐาใส่เสื้อสีแดงและสวมที่คาดผมซึ่งตกแต่งเป็นเขากวางเรนเดียร์ในงานเลี้ยงปีใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล เปรียบเทียบกับภาพสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้นายพิเชษฐ์ได้ทักท้วงน.ส.สุณัฐชาว่าภาพนี้ได้รับอนุญาตแล้วหรือไม่ แต่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอประท้วงประธานที่ควบคุมการประชุมไม่เป็นกลาง แต่การที่นายพิเชษฐ์เบรกกลางที่ประชุม และการตรวจสไลด์เป็นอำนาจของประธานอยู่แล้ว หากมีความผิดพลาดทางเทคนิคอะไรควรไปทำหลังที่เขาได้อภิปรายไปแล้ว ซึ่งการที่เบรกเขากลางอากาศแบบนี้ไม่ดี อยากให้ประธานใช้อำนาจด้วยความเป็นกลาง มิฉะนั้นจะมีข้อครหาว่าประธานทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง และควบคุมการประชุมไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่เพิ่งส่งเอกสารมาให้ตน หากเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ก็ยินดี

ต่อมา น.ส.สุณัฐชา กล่าวอภิปรายอีกว่า การที่นายเศรษฐาสวมใส่เสื้อสีแดงปาร์ตี้อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ไม่มีอะไรน่าจะเสียหายและไม่มีอะไรที่น่าอาย เพราะการที่เป็นนักโทษเทวดาชั้น 14 เป็นอะไรที่น่าอายกว่าเยอะ ทำให้นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า สิ่งที่ผู้อภิปรายกำลังบอกคือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดพร้อมกัน และนายกฯก็ได้ไปติดตามเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ใช่นายกฯไม่สนใจ ทั้งนี้ ในการอภิปรายงบประมาณอยากให้อยู่เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ไม่จำเป็นต้องมาเสียดสีกันย้อนไป 10 ปี 20 ปี ถ้าย้อนไปรัฐบาลที่แล้วตนพอเข้าใจได้เพราะเป็นงบที่ต่อกัน

จากนั้น นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงนายศรัณย์ ว่า ขณะที่ชาวบ้านใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เจอปัญหาน้ำท่วม แต่นายกฯเหมือนลิงได้แก้ว กำลังมีความสุขอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ตนจึงขอถามว่าน.ส.สุณัฐชาพูดเท็จตรงไหน และนายกฯลงพื้นที่ขอให้ไปดูรูปใหม่ ไปที่น้ำลึก อย่าไปที่น้ำตื้น ฉะนั้น อย่ากล่าวเท็จในสภาฯแห่งนี้ ประธานต้องควบคุมให้ผู้อภิปรายดำเนินการไปได้ด้วยดี ทำให้น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงนายชัยชนะ ว่า มีการประท้วงซ้ำซาก จึงขออนุญาตว่าขอให้ผู้อภิปรายได้พูดในประเด็น

จากนั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้อภิปรายอยู่ในประเด็น ทำให้น.ส.สุณัฐชาได้อภิปราย ต่อว่า จากข้อมูลค่าเฉลี่ยต่อหัวที่คนในภาคใต้ได้รับงบประมาณสำหรับการพัฒนาเป็นจำนวนน้อยที่สุด ส่อเค้าลางว่าในงบประมาณปีแรกของนายเศรษฐาจะไม่ต่างจากยุครัฐบาลนายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐาอาจจะลุกมาแก้ตัวว่าเป็นคนละคนกับผู้นำในอดีต แต่การจัดทำงบประมาณในลักษณะนี้ทำให้ตนมั่นใจว่าแม้เป็นคนละคนกัน แต่พฤติกรรมทอดทิ้งคนใต้นั้น ถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาถึงนายกฯที่ชื่อเศรษฐา ทวีสิน ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2567

ทำให้น.ส.กิตติ์ธัญญาลุกขึ้นประท้วงว่า การที่ไม่เข้าในประเด็นอภิปรายทำให้เสียเวลา และต้องขอบคุณที่มีนายทักษิณอดีตนายกฯ อยู่ในหัวใจตลอดเวลา จากนั้นนายพิทักษ์เดชประท้วงประธานที่ประชุมว่า ประธานต้องควบคุมการประชุม คำพูดนิดๆหน่อยๆก็ดูๆกันบ้าง ฟังกันไว้ ไม่เฉียดฉิว ทูนหัวของบ่าวยังอยู่เหมือนเดิม ยังปลอดภัย จากนั้นนายพิเชษฐ์ ได้ให้น.ส.สุณัฐชาอภิปรายต่อจนจบ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img