วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกHighlight“สนธิญา”โวมีทรัพย์สิน100ล้านพ่อแม่ให้ ลั่น“เป็นนักการเมือง-ไม่ใช่นักร้องอาชีพ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สนธิญา”โวมีทรัพย์สิน100ล้านพ่อแม่ให้ ลั่น“เป็นนักการเมือง-ไม่ใช่นักร้องอาชีพ”

“สนธิญา” ลั่นไม่ซ้ำรอย “พี่ศรี” ยันเป็นนักการเมือง ไม่ใช่นักร้องอาชีพ ไม่มีพฤติกรรมเรียกรับสินบน มีแต่ถูกร้องเกือบ 10 คดี โวมีทรัพย์สิน 100 ล้านพ่อแม่ยกให้-ธุรกิจส่วนตัว ลั่น พร้อมสู้ศึกเลือกตั้งหากมีเลือกตั้งซ่อม

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ถูกดำเนินคดีข้อหารีดไถ่เงินอธิบดีกรมการข้าว นายสนธิญากังวลหรือไม่ว่า จะถูกดำเนินการแบบนายศรีสุวรรณ ว่า ตนไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายศรีสุวรรณ แต่เคยไปออกรายการร่วมกัน และจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยคุยกับนายศรีสุวรรณแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งในรายการถามนายศรีสุวรรณว่าเป็นนักร้องอาชีพใช่หรือไม่ นายศรีสุวรรณ ตอบว่า ใช่ แต่เมื่อถามตน ตนบอกว่าไม่ใช่ เพราะตนเป็นนักการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เมื่อไม่ได้รับการเลือกตั้งตนก็ทำงานนอกรัฐสภา ฉะนั้นในเรื่องของกระบวนการทำงานตนต้องไม่กระทำผิดกฎหมาย สิ่งที่ตนร้องมาหลายเรื่องสิ่งที่ได้รับไม่ใช่เป็นเงิน แต่ได้รับเป็นการแจ้งความเกือบ 10 คดี แต่ก็ได้รับควาเมตตาจากศาล ในกรณีหมิ่นประมาท และรอลงอาญาประมาณ 7 คดี

“ถามว่าผมเคยได้รับเงินหรือไม่ ที่ผ่านมาผมไม่เคยร้องส่วนราชการไม่ว่าอธิบดีหรือไม่อะไร เพราะผมเคยทำงานเป็นเลขานุการผู้อำนวยการองค์การสะพานปลา ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ผมเข้าใจว่าราชการถ้าโดนร้องเรียน สอบสวน หรือโดนอะไรก็ตามเขาจะมีชนักติดหลังเขาไปตลอด แต่หากมีเรื่องมที่ชัดเจนผมก็ร้อง ถามว่าตั้งแต่ผมทำงานการเมือง หรือร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานต่างๆผ่านมา 10 กว่าปี ผมไม่เคยร้องหน่วยงานราชการหรืออธิบดีแม้แต่คนเดียว”นายสนธิญา กล่าว

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคิดจะร้องนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ซึ่งอยู่ฝั่งรัฐบาลบ้างหรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า นายยศวริศ ไม่ได้อยู่ฝั่งรัฐบาล เขาอยู่นปช. ซึ่งตนก็รู้จักนายยศวริศ แต่ไม่สนิท และไม่ใช่แนวทางเดียวกับตน เมื่อถามย้ำว่าจะร้องนักการเมืองฝั่งพรรคลุง ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า ถ้ามีเอกสารชัดเจนตนก็ร้อง และไม่เฉพาะฝ่ายค้านเท่านั้น เช่นร้องสส.ที่ทำให้สภาฯล้มเมื่อปี 62-66 จำนวนกว่า 27 ครั้งเรื่องอยุ่ในในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ร้องทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แม้กระทั่งรัฐมนตรีบางคนที่ไม่เข้าประชุมก็โดนป.ป.ช.สอบอยู่ขณะนี้

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าไม่ใช่นักร้องมืออาชีพ อยากทราบว่าวันนี้ประกอบอาชีพหรือมีรายได้จากไหน นายสนธิญา กล่าวว่า ตนมีสมบัติบางส่วนที่พ่อแม่ยกให้ทางภาคใต้ มีสวนปาล์ม และอื่นๆเล็กน้อย และส่วนตัวตนทำธุรกิจเกี่ยวกับการรับต่อไม้ชะลอคลื่น ซึ่งตนมีทีมงานเป็นชาวประมง และ 6-7 ปีที่ผ่านมาถ้าไปดูในบัญชีตนมีเงินสะพัดอยู่ประมาณเกือบ 100 ล้านบาท และขณะนี้ก็ยังรับงานทั่วไปที่ตนสามารถทำได้ เพราะตนมีห้างหุ้นส่วนอยู่ในขณะนี้ 2 ห้างหุ้นส่วน แต่ตอนนี้หยุดชั่วคราว เพราะมีปัญหาเรื่องพรรคพวกที่ทำธุรกิจด้วยกันแล้วเบี้ยวเงินตนไปประมาณเกือบ 5 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลล้มละลายและจะบังคับคดีเนื่องจากจะครบคดีในปี 68

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่านายสนธิญาไม่เคยมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนใช่หรือไม่ นายสนธิญา กล่าวว่า สิ่งที่ตนร้องอย่างพรรค้าวไกลตนจะไปเรียกรับผลประโยชน์จากเขาได้หรือไม่ หรือร้องพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ตนไปขอเงินจากพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้หรือไม่ หรือไปร้องบางหน่วยงาน ตนจะไปเรียกผลประโยชน์เขาได้อย่างไร แต่ที่ผ่านมาเป็นเรื่องประชาชนเดือดร้อนเรื่องที่ดิน ตนทำก็ไม่ได้เงิน บางคนมีปัญหาพ่อข่มขืนลูก ตนทำเรื่องนี้ก็ไม่ได้เงิน เพราะสิ่งที่ตนทำไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แต่ทำในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดเกี่ยวกับกฎหมาย

เมื่อถามถึงกรณีรูปคดีของนายศรีสุวรรณแล้ว เป็นเช่นไร นายสนธิญา กล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ได้ติดตามข่าว เรื่องนี้เหมือนการเจรจาขายที่ดิน เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 66 และตำรวจบอกว่าติดตามเรื่องนี้มา 4 เดือน ตนก็ยังแปลกใจว่าทั้ง 2 ฝ่าย คุยกันอย่างไร เพราะมีการจ่ายเงิน โทรศัพท์พูดคุยต่อรอง อยากถามว่าแต่ละฝ่ายเกรงกลัว หรือเคารกฎหมายหรือไม่ เพราะถ้าเป็นบุคคลทั่วไปที่มีสามัญสำนึก การพูดคุยต่อรองผ่านโทรศัพท์แบบนี้ กล้าทำหรือไม่ เพราะสมัยนี้สามารถอัดเสียงได้หมด ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไปกระทรวงไหน บ้านใครก็มีวงจรปิด ดังนั้น การกระทำไม่สามารถปิดสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถ้าตนทำไม่ดีก็จะมีคนร้อง และแจ้งความอยู่ดี แต่สิ่งที่ตนถูกแจ้งความเป็นประเด็นกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องถูกฉ้อโกง ซึ่งตนก็พร้อมให้ตรวจสอบตลอดและพร้อมที่จะทำงานทางการเมืองต่อไป เพราะหากมีการเลือกตั้งซ่อมในบางเขต ตนก็พร้อมที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสส.อีกครั้ง

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img