วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกNEWS"ไทยสร้างไทย"จี้นายกฯแก้ปัญหากองทุนน้ำมันติดลบ ทะลุ 2.2แสนล้านบาท
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ไทยสร้างไทย”จี้นายกฯแก้ปัญหากองทุนน้ำมันติดลบ ทะลุ 2.2แสนล้านบาท

“ไทยสร้างไทย” ชี้กองทุนน้ำมันติดลบ ทะลุ 2.2แสนล้านบาท จี้นายกฯเร่งแก้ไข เตือนเลิกทำนโยบายที่สร้างคะแนนนิยมเพียงชั่วคราว แต่สร้างภาระมหาศาลให้ประชาชนในอนาคต การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน นายกฯต้อง“กล้า”ปรับ ”โครงสร้างพลังงาน“ ก่อน ทั้ง โครงสร้างค่าน้ำมัน และโครงสร้างค่าไฟ เลิกอุ้มทุน พลังงานขนาดใหญ่ หันมาอุ้มประชาชนแทน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ทบทวนนโยบายด้านพลังงาน โดยเฉพาะการเข้าไปตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมถึงมติครม.ที่เห็นชอบปรับลดภาษีน้ำมัน เบนซินลงลิตรละ 1 บาท โดยใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเข้าไปแทรกแซง จนทำให้สถานะล่าสุดของกองทุนน้ำมันติดลบกว่า 9.1 หมื่นล้านบาท และมีหนี้คงค้างกว่า 1.2 แสนล้านบาท

พรรคไทยสร้างไทย ได้เตือนถึงผลกระทบและปัญหา ดังกล่าวมาโดยตลอด เพราะหากปล่อยไว้ โดยไม่มีการแก้ไข หนี้ที่เกิดขึ้นกับกองทุนน้ำมัน อาจส่งผลเสียหายต่อประเทศในระยะยาว และในท้ายที่สุดจะต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาชดใช้หนี้ ให้กับนโยบายที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่มองการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน คือการทบทวนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตที่กระทรวงการคลังเก็บลิตรละ 5 บาทกว่าซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงมาก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องมาพิจารณาใหม่ว่า อัตราเท่าใดจะมีความเหมาะสมและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์มากที่สุด โดยอาจลดลงมาที่ลิตรละ 3 บาท เป็นเวลา 3 ปี ตามที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอไปแล้ว

“ขอให้รัฐบาลตระหนักว่า การปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ไม่ใช่ภาระทางการคลัง แต่คือการดูแลสินทรัพย์ที่สำคัญของประเทศนั่นคือการดูแลประชาชน เมื่อประชาชนมีศักยภาพ เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ในฐานะผู้จ่ายภาษี”คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างต้องทำตั้งแต่การกำหนดราคาหน้าโรงกลั่น ซึ่งจะทำให้ราคาค่าการกลั่น ไม่แพงเหมือนเช่นหลายปีที่ผ่านมา จนทำให้ได้กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งจะต้องมีวิธีแก้ไข แม้ไทยจะใช้วิธีอ้างอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์ก็ตาม โดยอาจกำหนดว่า ในช่วงที่สถานการณ์ราคาน้ำมันแพง อาจไม่ต้องอิงกับราคาที่ตลาดสิงคโปร์ 100% เนื่องจากไทยมีราคาขั้นต่ำที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

รัฐบาลต้องดูแลค่าไฟฟ้าให้กับพี่น้องประชาชนควบคู่ไปด้วย โดยต้องปรับค่า FT ลดค่าพร้อมจ่าย (AP) 0.70 บาท/หน่วย และลดค่าประกันความร้อน (EP) 0.30 บาท/หน่วยทันที จะสามารถลดค่าไฟฟ้า 1 บาท/หน่วย และต้องเปลี่ยนนโยบายการจัดสรรแก๊ส LNG เพื่อให้มาใช้ผลิตไฟฟ้าให้ประชาชนก่อน เพื่อลดต้นทุนค่าไฟ

พร้อมเจรจากับเอกชนที่รับสัญญาโรงไฟฟ้าเก่าใกล้ปลดระวาง ให้ดำเนินการปลดระวางเร็วขึ้น โรงไฟฟ้าใหม่ ที่ยังไม่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ให้ชะลอเวลา COD ออกไปก่อน ส่วนที่รับสัญญาไปแล้วแต่ยังไม่สร้างให้ชะลอการสร้างออกไป และที่สำคัญต้องหยุดการให้สัมปทานโรงไฟฟ้าใหม่กับเอกชนรายใหญ่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img