วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlightสภาฯป่วนอีก“ก้าวไกล”ชงนับองค์ประชุม ตีกลับรายงานฯกาสิโน-อ้างยังไม่สมบูรณ์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สภาฯป่วนอีก“ก้าวไกล”ชงนับองค์ประชุม ตีกลับรายงานฯกาสิโน-อ้างยังไม่สมบูรณ์

สภาฯป่วนอีก! “ก้าวไกล”ชงนับองค์ประชุม ขอตีกลับรายงานฯกาสิโนครบวงจร อ้างยังไม่สมบูรณ์-หวั่นจีนเทาเข้าครอบงำ ฟาก “รัฐบาล” โวยกลับ “อภิปราย 152” เดี๋ยวเอาบ้าง ขณะที่ “ปธ.วิปค้าน” ท้าถ้ากล้าหนีตรวจสอบ ก็ลองดู สุดท้ายนั่งอืดขานชื่ออีกเป็นชม.

เมื่อวันที่ 28 มี.ค.67 เวลา 14.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผูัแทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเสร็จแล้ว

ทั้งนี้ สมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วย แต่ยังมีสมาชิกบางส่วน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลยังเห็นว่า รายงานฉบับนี้ยังไม่สมบูรณ์ โดยเสนอแนะให้มีมาตรการควบคุมป้องกันการพนันใต้ดิน การฟอกเงินผิดกฎหมาย หรือทุนสีเทาจากต่างชาติเข้ามาครอบงำ นอกจากนี้ยังเสนอให้นำกีฬาพื้นบ้าน อาทิ ไก่ชน วัวชน เข้ามาพิจารณาใส่ในการพิจารณาศึกษาสถานบันเทิงครบวงจรด้วย

โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายตอนหนึ่งว่า มีการพูดคุยกันในรายงานนี้ บอกว่าจังหวัดที่มีศักยภาพมี 44 จังหวัด แต่พูดตามตรงที่ท่านตกลงกันด้านหลังว่า อู่ตะเภาคือที่แรกที่จะทำรวมถึงเซ็นสัญญาไปแล้ว แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นความโปร่งใสอยู่ตรงไหน เท่ากับว่าท่านล็อคไว้แล้วว่ากาสิโน จะอยู่ภายใต้การดูแลของใคร ตนได้พยายามเช็คพยายามเช็คอีเมลได้มีต่างชาติส่งรายงานของยูเอ็นที่กังวลต่อการผลักดันเรื่องนี้ เพราะเขากลัวว่าประเทศไทยจะเป็นศูนย์รวมจีนเทาแห่งใหม่ที่อาจเกิดได้

“เราทำในเรื่องการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์เศรษฐกิจประเทศ แต่ผลออกมาเน้นแต่ด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่ด้านกฎหมายไม่มีเลย ถ้าไปอ่านรายงานโดยละเอียด เมื่อถามว่าจะแก้พนันผิดกฎหมายอย่างไร สรุปแก้ไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของตำรวจ แล้วที่เรารับอานัติจากสภาที่ต้องประชุมกมธ.แล้วเราจะได้อะไรกลับมา ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้คัดค้านการมีกาสิโนในไทย แต่ทำแล้วต้องทำให้มันดี ทำแล้วต้องแก้ปัญหาการฟอกเงิน ไม่สร้างปัญหาใหม่ นี่คือที่เราต้องการ ก็ขอฝากนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้เอารายงานฉบับนี้กลับไปทำมาใหม่” นายรังสิมันต์ กล่าว

จากนั้นในเวลา 18.30 น. ก่อนที่จะมีการลงมติในรายงานฯ นายชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นหารือขอเสนอให้มีการนับองค์ประชุม โดยให้เหตุผลว่าอยากเห็นความมุ่งมั่นจากฝ่ายรัฐบาลในเรื่องนี้ ทำให้นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะวิปรัฐบาล ลุกขึ้นชี้แจงว่า ได้คุยกับวิปทั้ง 2 ฝ่ายว่า จะจบการประชุมด้วยความร่วมมือด้วยดี ดังนั้นรายงานฯฉบับนี้ ข้อคิดเห็น ติชม เชื่อว่ากมธ.ฯจะนำสิ่งนี้มารวมเล่มอยู่ในรายงานด้วย ที่ผ่านมาเราให้เกียรติกันว่า สมาชิกตั้งใจทำรายงานฯขึ้นมา แต่ถ้านายชุติพงษ์เล่นเกมแบบนี้ ในอนาคตถ้าเป็นรายงานฯของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตนจะไม่รับสักเล่ม

ขณะที่นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า เราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่การที่นายชุติพงษ์เสนอแบบนี้ ทำให้ข้อตกลงของวิปทั้ง 2 ฝ่ายไม่ศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่ ดังนั้นหมายความว่าในสัปดาห์หน้าเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายตามมาตรา 152 ซึ่งข้อตกลงของวิปฯให้เวลาฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาล เพื่ออะลุ่มอะล่วยกัน ถ้าไม่ตกลงตามข้อตกลงของวิปทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องเวลา ตนขอไม่เป็นตามเดิมแล้ว เรามาแบ่งเวลาในการอภิปรายมาตรา 152 กันใหม่ สัปดาห์หน้าตนของนับองค์ประชุมบ้างได้หรือไม่ ถ้าทำกันแบบนี้

ขณะที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า หากสัปดาห์หน้าอยากจะหนีการตรวจสอบโดยการให้มีการนับองค์ประชุม ก็ลองดู

นายชุติพงษ์ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า ไม่ได้พลิกมติวิปทั้ง 2 ฝ่าย แต่เราอยากให้ กมธ.ฯถอนรายงานกลับไปพิจารณาอีกครั้ง เพื่อนำกลับเข้ามาพิจารณาใหม่ ตนยืนยันว่าพร้อมจะลงมติให้อยู่แล้ว

ทั้งนี้วิปทั้ง 2 ฝ่ายยังถกเถียงจนยังไม่ได้ข้อตกลง จนกระทั่งนายอรรถกรลุกขึ้นเสนอให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ จะได้รู้กันไปเลยว่า ในวันนี้ (28มี.ค.) มีใครมาเข้าประชุมบ้าง

กระทั่งนายพิเชษฐ์ ประธานที่ประชุมวินิจฉัยว่า ขอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ แม้ทางสส.พรรคก้าวไกล จะทักท้วงว่า ขณะนี้มี 2 ญัตติคือ ฝ่ายหนึ่งเสนอให้มีการนับองค์ประชุมโดยการเสียบบัตร กับอีกฝ่ายเสนอให้นับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ ดังนั้นจะต้องมีการลงมติชี้ขาดใน 2 ญัตตินี้ว่าจะเอาแบบใด มิฉะนั้นจะเป็นญัตติซ้อนญัตติที่ขัดกัน ไม่เป็นตามข้อบังคับ และหากทำแบบนี้ จะทำให้เกิดเป็นบรรทัดฐานต่อไป แต่ไม่เป็นผล นายพิเชษฐ์ ได้แจ้งว่า วินิจฉัยไปแล้วให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ และได้เริ่มนับองค์ประชุมในเวลา 19.00 น.

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img