“พิธา”ลั่น ยุบพรรคแล้วได้อะไร ระยะสั้นอาจทำให้ “ก้าวไกล”อ่อนแอ แต่อย่าลืมว่า มันคือการติดเทอร์โบให้กับก้าวไกลเหมือนกัน จะทำให้ได้แต้มต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อวันที่ 6 เม.ย.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายม.152 ที่ถูกมองว่าอาจเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายว่า ในการอภิปราย ม.152 มีทั้งสิ่งที่เห็นด้วยตามเนื้อผ้า แต่เราก็ทำงานของเรา และสู้คดีเต็มที่ ซึ่งเราต้องขอใช้สิทธิในการขอขยายการไต่สวน เพราะคดีรอบนี้โทษหนักกว่าคราวที่แล้ว มันถึงกระทั่งยุบพรรค ประหารชีวิตทางการเมือง มันควรให้สิทธิ์การต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อจะได้หมดข้อครหา ส่วนกรณีการเซาะกร่อนบ่อนทำลายที่ดูเหมือนจุดเริ่มต้นของการยุบพรรคนั้น กฎหมายมีหลายมาตรา จึงต้องดูสัดส่วนทางกฎหมาย และดูว่า กฎหมายนั้นมีเจตนารมณ์อย่างไร ถ้ากฎหมายมีไว้เพื่อป้องกันก็อีกส่วน ดังนั้นหากเป็นการประหัตประหารทางการเมืองทำลายพรรคฝ่ายค้านที่มากที่สุดก็จะกระทบระบบประชาธิปไตยทั้งหมด จึงต้องใช้ดุลยพินิจคนละแบบกับคราวที่แล้ว
นายพิธา ยืนยันว่า ในส่วนของเราไม่ได้รู้สึกหวั่นไหว และเกรงกลัวอะไร คำตอบที่ดีที่สุดเพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่พี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคคือ การทำงาน ถ้ารู้สึก จิตใจกังวลคงทำงานได้ไม่เหมือนการอภิปราย ม.152 เพราะเราชกสุดหมัดทั้งหมด สำหรับเรื่องการยุบพรรคนั้น ตอนนี้พรรคการเมืองทุกพรรคไม่มีใครเห็นด้วยกับการยุบพรรคทั้งนั้น โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมา น่าจะเป็นการยุบพรรครอบที่ 4-5 ซึ่งน่าตั้งคำถามว่า สมเหตุสมผลหรือไม่ที่ประสิทธิภาพการเมืองไทยเป็นแบบนี้ เลือกตั้งมาก็ยุบ มันไม่ใช่เรื่องของพรรคก้าวไกลพรรคเดียว แต่เป็นเรื่องของระบบประชาธิปไตยที่นักการเมืองทุกคนอยู่ในระบบแบบนั้น เรากลับมาสู้กันในระบบดีกว่า เพราะทุกการกระทำมีผลลัพธ์ของการกระทำ ตนก็ยังไม่รู้ว่า คนที่มีอำนาจจะยุบพรรค ถามตัวเองหรือยังว่า ยุบแล้วได้อะไรขึ้นมา ในระยะสั้นนั้นอาจทำให้พวกตนอ่อนแอลง แต่อย่าลืมว่ามันคือการติดเทอร์โบให้กับพวกตนเหมือนกัน ซึ่งจะทำให้ได้แต้มต่อในการเลือกตั้งครั้งหน้า
