พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้เยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อให้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้ออกแถลงการณ์พรรคไทยสร้างไทย โดยระบุว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนด ออกตามความในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕) ลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๔ กำหนดพื้นที่เป้าหมายเฉพาะและบังคับใช้มาตรการควบคุมเพื่อชะลอและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ อย่างเร่งด่วนและหยุดยั้งอัตราการเร่งของจำนวนผู้ป่วย แต่มิได้มีการชดเชยหรือเยียวยาประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากการออกคำสั่งดังกล่าว นั้น
พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า การออกข้อกำหนดดังกล่าวคือการปิดขังชั่วคราวหรือการล็อคดาวน์ (Lockdown) อันมีผลเป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในการประกอบอาชีพและการใช้ชีวิตตามปกติทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกินกว่ากรณีปกติทั่วไป ซึ่งถึงแม้กฎหมายจะให้อำนาจนายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดดังกล่าวได้ เพราะเป็นการป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ที่ถือเป็นภัยพิบัติต่อชีวิตและสุขภาพอนามัยของประชาชนอันเป็นประโยชน์สาธารณะก็ตาม แต่รัฐบาลจะต้องชดเชยหรือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการออกคำสั่งดังกล่าว
พรรคไทยสร้างไทยจึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีได้เยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อให้การเยียวยาดังกล่าวได้เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ รวมถึงกำหนดแนวทางการดูแลตนเองที่บ้านของผู้ป่วยระหว่างรอเตียง (Home Isolation) เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถดูแลตนเองระหว่างรอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งรวมถึงการแจกอุปกรณ์เครื่องมือที่จำเป็น ยาและอาหารให้กับผู้ที่สามารถดูแลตัวเองที่บ้านระหว่างรอเตียงสำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีปัญหาเรื่องเตียงพยาบาลไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยในขณะนี้
พรรคไทยสร้างไทยตระหนักดีว่าฐานะทางการคลังของรัฐบาลมีความเปราะบาง เพราะนับแต่เกิดการยึดอำนาจเป็นต้นมา รายรับที่มาจากการจัดเก็บภาษีอากรต่ำกว่ารายจ่ายมาโดยตลอด รัฐบาลจึงต้องกู้เงินมาใช้จ่ายในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีสูงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม แต่การเยียวยาประชาชนมีความสำคัญกว่าเพราะเป็นผู้ผลิตภาษีให้รัฐ
รัฐบาลจึงควรลดหรือหยุดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อนำเงินดังกล่าวมาเยียวยารักษาชีวิตของประชาชนมากกว่าจะเพิกเฉยปล่อยให้ประชาชนอดอยากหรือได้รับความเดือดร้อนจนถึงขนาดฆ่าตัวตายดังที่กำลังเกิดขึ้น รัฐบาลพึงตระหนักว่าเงินที่ใช้เยียวยาล้วนมาจากภาษีอากรจึงเป็นเงินของประชาชนเองทั้งสิ้น
