วันพุธ, พฤษภาคม 8, 2024
หน้าแรกNEWS"นิวัติไชย" ชี้ปม.สส.รับกล้วยรอตรวจข้อเท็จจริง อ้างไม่เหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“นิวัติไชย” ชี้ปม.สส.รับกล้วยรอตรวจข้อเท็จจริง อ้างไม่เหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน

“นิวัติไชย” เผย ป.ป.ช.มอนิเตอร์ปมไลน์หลุดพรรคเล็กรับกล้วยอยู่ ชี้ต้องรอตรวจข้อเท็จจริง อ้างไม่เหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน รับไม่มีอำนาจยุบพรรค โยน กกต.ดำเนินการ

วันที่ 26 ก.ค.65 ที่รัฐสภา นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบกรณีไลน์หลุด ประเด็นส.ส.กลุ่มพรรคเล็กรับเงินว่า ขณะนี้ทางป.ป.ช. ได้ให้สำนักการข่าวและกิจการพิเศษรวบรวมข้อมูลอยู่ ซึ่งปกติเขาก็จะรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ตั้งแต่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราก็มีการตั้งวอร์รูมอยู่ เพื่อเฝ้าติดตามรับฟังว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นใดบ้าง รวมทั้งกระแสข่าวที่มีความต่อเนื่อง เช่น กรณีที่มีสลิปการโอนเงินหลุดออกมาเราก็มีการมอนิเตอร์อยู่ และรวบรวมข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ หากถามว่าจะมีการเสนอคณะกรรมการป.ป.ช. ได้เมื่อไหร่นั้น ก็ต้องรอดูรายละเอียดข้อเท็จจริงที่จะต้องรวบรวมมาว่าจะถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช.หรือไม่ ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. เราก็จะเสนอคณะกรรมการป.ป.ช. แต่ถ้ามีคนมาร้องเรียนเราก็จะหยิบหยกเรื่องนี้มารวมกัน หากไม่มีคนมาร้องเรียน คณะกรรมการป.ป.ช.ก็สามารถยกเหตุที่สงสัยนี้ขึ้นมาเพื่อดำเนินการสืบสวนต่อไปได้

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวป.ป.ช. สามารถดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอคนมาร้องใช่หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะเท่าที่ฟังจากข่าวเป็นการยืมเงิน เราก็ต้องไปดูว่าเป็นการยืมเงินจริงหรือไม่ ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเป็นการยืมเงินจริง เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะทุกคนสามารถมีสิทธิ์ในการกู้ยืมเงินได้ในกรณีที่มีความจำเป็น แต่หากไม่ใช่เรื่องการกู้ยืมเป็นเรื่องของการให้ก็จะเป็นอีกกรณีหนึ่ง ที่กต้องไปดูว่าให้เพราะอะไร ถ้าให้เฉยๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องไปดูกรอบกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการรับทรัพย์สินเกินกว่า 3,000 บาท เพราะคณะกรรมการป.ป.ช.ประกาศและทางสมาชิกสภาฯ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายนี้

นายนิวัติไชย กล่าวต่อว่า หากจะรับเงินเกินกว่า 3,000 บาท ต้องรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบและอนุญาตเพื่อถือครองทรัพย์สินนั้นได้ แต่ถ้าเกิดเป็นการให้เพื่อจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ อาจจะเป็นกรณีการรับหรือมีการเรียกรับไว้ เพื่อกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่ง ก็ต้องไปดูว่าตำแหน่งในสมาชิกสภาฯ มีหน้าที่อะไร ซึ่งก็มีหน้าที่ในการลงคะแนนเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ หรือมีหน้าที่ในการพิจารณาผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ดังนั้นหากไปรับเงินโดยมีมูลเหตุจูงใจ ก็อาจจะต้องเข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ได้ ต้องดูเป็นกรณีไป นอกจากนี้ยังมีความผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพิจารณาอีกครั้ง ส่วนข้อเท็จจริงตอนนี้เท่าที่ทราบเป็นการยืมเงินเฉยๆ หากเป็นการยืมเงินเฉยๆ ก็ยังไม่ต้องหยิบยกอะไรมาพิจารณา

เมื่อถามว่า แชทไลน์หลุดถือเป็นหลักฐานหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ถือเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ใช้ในการพิจารณาได้ แต่ทั้งนี้เราต้องมีการรวบรวมประเด็นในการพิจารณาก่อน ซึ่งจะต้องไปตรวจสอบว่าเป็นการกู้ยืมหรือการให้ อย่างไรก็ตาม เราต้องเคลียร์ประเด็นนี้ก่อน

เมื่อถามว่า กรณีที่สังคมมองว่าคดีนี้ ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเหมือนคดียืมนาฬิกาเพื่อน นายนิวัติไชย กล่าวว่า คงไม่เหมือนกัน เพราะคดีนั้นมีการวินิจฉัยที่ชัดเจนแล้ว ฉะนั้นบรรทัดฐานในเรื่องนี้ต่างกัน เรื่องการยืมนาฬิกาเพื่อนก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องการให้ มันแตกต่างกัน

เมื่อถามย้ำว่า กลุ่มพรรคเล็กชี้แจงยืนยันประเด็นไลน์หลุดว่าเป็นการยืมเงินกันนั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า การให้มีหลายแบบ เช่น การให้แบบให้ไปเลย ให้รถยนต์ ให้เงิน แต่หากให้กู้ก็จะมีเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนมา ส่วนนี้จะเป็นไปเพื่อประโยช์ทางพาณิชย์หรือประโยชน์ของตัวผู้ให้กู้และตัวผู้กู้เอง ซึ่งจะต้องมีการตกลงเป็นข้อสัญญา ซึ่งก็แล้วแต่กรณีต้องมีการแยกแยะให้ชัดเจนก่อน จะมาเหมารวมไม่ได้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

เมื่อถามว่า หากกรณีผิดทั้งผู้ให้และผู้รับจะเป็นอย่างไร นายนิวัติไชย กล่าวว่า ปัญหามีอยู่ว่าผู้ให้ ให้เพื่ออะไร เช่น ให้เพื่อจูงใจเพื่อให้เขาปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติในหน้าที่แบบนี้ ผู้ให้ถือว่าผิด ถือเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งในหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ให้ถือว่าผิดเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝง มีมูลเหตุจูงใจว่าจะให้เขากระทำอะไร เช่น เพื่อให้เขาออกใบอนุญาตให้ ซึ่งแบบนี้ก็จะผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ แต่ความผิดจะแตกต่างกันเพราะใช้กฎหมายคนละมาตรา

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวจะนำไปสู่การขยายผลเพื่อยุบพรรคการเมืองได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ตนไม่ขอก้าวล่วงไป ถึงเรื่องยุบพรรค เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. แต่ความผิดทุกอย่าง ถ้าป.ป.ช.วินิจฉัยแล้ว ก็จะส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นต้น เพื่อให้เขารู้เป็นฐานข้อมูล ส่วนการดำเนินการจะเป็นอย่างไร ก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของกกต. ถ้าผลถึงขนาดนั้น แต่วันนี้ผลยังไม่ถึงขนาด

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img