แกนนำพรรค “สีส้ม-ก้าวไกล” ยังเก็บอาการ ไม่ออกมาตอบโต้หรือชี้แจงใดๆ หลังโดนอดีตคนในพรรค ที่เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมาตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่ จนมาถึงก้าวไกลอย่าง “คริส โปตระนันท์” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี พรรคอนาคตใหม่ ที่แม้จะสอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แต่ก็ยังมีบทบาททางการเมืองและสังคมมาตลอด
โดยเฉพาะกับการทำ “กลุ่มเส้นด้าย-มูลนิธิเส้นด้าย” ที่เป็นกลุ่มจิตอาสาในช่วงโควิดระบาดหนัก จนได้รับเสียงชื่นชมไม่น้อย แต่ปัจจุบัน “คริส” ได้ลาออกจากพรรคก้าวไกลตั้งแต่เมื่อ 1 ก.พ. เพื่อไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ของตัวเองที่ชื่อ “พรรคทำได้”
พร้อมๆ กับการโยนระเบิดใส่พรรคก้าวไกล ด้วยการ “แฉยับ” กระบวนการทำงานภายในพรรคก้าวไกล ทำเอาแวดวงการเมือง โดยเฉพาะ “กองเชียร์พรรคส้ม-ก้าวไกล” ที่รู้จักพรรคแค่ผิวเผิน ถึงกับสะอึก
ขณะที่กลุ่มไม่เอาพรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคซึ่งสนับสนุนให้มีการแก้ไขมาตรา 112 และปฏิรูปสถาบัน ก็ร้องซี๊ดปาก กันไปตามๆ กันที่พรรคก้าวไกล โดนอดีตคนกันเอง ซัดเต็มข้อ จนเสียทรงการเมืองอย่างหนัก
โดยเฉพาะการที่ “คริส” ออกระบุว่า โครงสร้างการบริหารงานการเมืองภายในพรรคก้าวไกล มีปัญหาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเรื่องการคัดเลือกคนลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. และการเลือกตั้งในโอกาสต่างๆ โดยระบุว่า ภายในพรรคมีระบบ “โปลิตบูโรห้องแอร์” ที่เป็นระบบคณะกรรมการบริหารพรรคในระบอบสังคมนิยม โดยเฉพาะที่จีน มาบริหารจัดการภายในพรรคก้าวไกล ทั้งที่ “พรรคก้าวไกล” ภาพภายนอก คือประชาธิปไตยสุดขั้ว เปิดโอกาสให้ทุกคนในพรรคมีสิทธิ์มีเสียงและมีส่วนร่วมทางการเมืองทุกขั้นตอน
งานนี้ ทำเอา “ก้าวไกล” สะเทือนไม่น้อย เพราะหากคนที่ออกมาวิจารณ์หรือให้ความเห็น เป็นคนภายนอก มันก็งั้นๆ แต่เมื่อเป็นคนในพรรคก้าวไกลมาก่อน ตั้งแต่ยุคอนาคตใหม่และเริ่มมีต้นทุนทางสังคมการเมืองระดับหนึ่งในการทำกลุ่มเส้นด้าย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เจอเข้าไปดอกนี้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์-พรรคก้าวไกล” มีสะเทือนแน่นอน
โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของพรรค ที่อาจทำให้กองเชียร์พรรคก้าวไกล ที่ไม่ได้เชียร์แบบลืมหูลืมตา ต้องตั้งคำถามกับพรรคก้าวไกลเหมือนกันว่า ภาพที่เห็นพรรคในภายนอก ว่าเป็นพรรคการเมืองสมัยใหม่ ประชาธิปไตยร้อยเปอร์เซนต์ เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมทางการเมืองแบบเท่าเทียม รวมถึงสมาชิกพรรค สุดท้ายแล้ว มันเป็นเรื่องจริงหรือแค่มายาภาพ ?
สิ่งนี้คือเรื่องที่กองเชียร์พรรคก้าวไกล ที่เป็นคนที่ใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาตัดสินใจทางการเมือง กำลังขบคิดและตั้งคำถามกันพอสมควร หลังเกิดกรณี “อดีตคนก้าวไกล” ออกมาโยนระเบิด-ลากไส้พรรคก้าวไกล
“ผมอยากได้พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง คือพรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของเวลาจากวันนั้นถึงวันนี้ ผ่านมา 5 ปี ต้องถามกลับไปที่ประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรค จำนวนกว่า 60,000 คน ว่าทราบบ้างหรือไม่ว่า…
พรรคมีประชุมสามัญวันไหน พรรคมีการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.กันอย่างไร กลไกในการคัดเลือก นโยบายที่จะหาเสียงในคราวนี้ คุณเคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือไม่? ใครจะได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณรู้หรือไม่? ผมในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกตลอดชีพ ทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ตอบได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งสิ้น ล้วนเป็นเรื่องของการตัดสินใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ผมให้ชื่อเล่นกลุ่มนี้ว่า “โปลิตบูโร”
หากการบริหารพรรคยังเป็นอย่างนี้ หากพรรคก้าวไกลได้อำนาจในการบริหารประเทศ พรรคก้าวไกลจะบริหารประเทศอย่างไร ก็คงต้องอยู่ที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่สมาชิกพรรคแต่อย่างใด
เรื่องดีๆ ใครก็พูดได้ แต่ทำยาก ผมก็เข้าใจ มิฉะนั้น พรรคก้าวไกลในอนาคตคงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากพรรคการเมืองที่ดีแต่พูด (Hypocrital party)” คริส โปตระนันท์ อดีตคนพรรคก้าวไกล ที่วันนี้ออกมาตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรคทำได้ ระบุไว้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
การออกเปลือยพรรคก้าวไกลของ “คริส” มันทำให้เสียงร่ำลือทางการเมืองที่คนได้ยินกันมานานแล้วว่า “ข้างใน” พรรคก้าวไกล มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ถูกมองว่า งานนี้มีมูล บนกระแสข่าวทำนองว่า ระยะหลังที่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล มั่นใจตัวเองสูงว่า “ติดลมบน” เพราะผลโพล์หลายสำนัก มักมีชื่อ “พิธา” ติดอันดับต้นๆ ที่ประชาชนเชียร์ให้เป็นนายกฯมาตลอด จนทำให้มีข่าวร่ำลือกันหนาหูจากคนในก้าวไกลว่า “พิธา” วันนี้…ไม่ใช่ “พิธา” คนเดิม เพราะขนาดคนในพรรค-ส.ส.-ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคก้าวไกล ก็เข้าไม่ติด เพราะเป็นคนเข้าถึงยาก มีกำแพงกับคนในพรรคเยอะ
ซึ่งจริงๆ ข่าวว่า “พิธา” ก็เป็นคนบุคลิกแบบนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่ระยะหลังยิ่งเป็นมากขึ้น ทั้งที่บุคลิกของหัวหน้าพรรคการเมือง ที่เน้นเรื่องประชาธิปไตยทางตรง การมีส่วนร่วมทางการเมือง ต้องเป็นคนที่เข้าถึงง่าย ติดดิน แต่บุคลิกของพิธา ที่แสดงออกระยะหลังดูจะตรงกันข้าม
จนมีข่าวลือทางการเมืองถึงเสียงพูดของคนในพรรคก้าวไกลกันเยอะในช่วงหลังว่า หากให้เทียบกัน “พิธา” ซื้อใจคนในพรรคไม่ได้เท่ากับยุค “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ !
นอกจากนี้ก็มีกระแสข่าวมาตลอดถึงเรื่อง ข้างในพรรคก้าวไกล มีปัญหาขัดแย้งกัน ในการชิงการนำระหว่าง “ขั้วคณะก้าวหน้า” ที่มีหัวหอกคือ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-ช่อ พรรณิกา วานิช” ที่ส่ง “ชัยธวัช ตุลาธน” เพื่อนสนิทธนาธร ไปเป็นเลขาธิการพรรคก้าวไกล เพื่อคุมทิศทางพรรค กับฝ่าย “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ที่ตอนนี้ เชื่อมั่นในตัวเองสูง จนเชื่อว่า พรรคก้าวไกลในวันนี้ เขาสามารถนำพาพรรคได้ให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งได้ระดับหนึ่ง โดยไม่ต้องพึ่งกระแส “ธนาธร-ปิยบุตร” แบบตอนเลือกตั้งเมื่อปี 2562
เลยมีข่าวออกมาเป็นระยะว่า กลุ่มธนาธร กับ สายพิธา งัดข้อกันหลายครั้ง เช่น เรื่องนโยบายพรรค-ทิศทางพรรคต่อเรื่องการเคลื่อนไหวการเมืองนอกรัฐสภา-การคัดเลือกคนลงเลือกตั้งในระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์-การบริหารจัดการภายในพรรค
ที่ข่าวบางกระแสบอกว่า “สายพิธา” ไม่ต้องการให้เงาของ “ขั้วธนาธร” เข้ามามีบทบาทในพรรค เพื่อต้องการให้ส.ส.และคนในพรรคยอมรับในตัว “พิธา” เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม พบว่าที่ผ่านมา ก็ไม่ค่อยมีคนในพรรคออกมาให้ข่าวปัญหาขัดแย้งดังกล่าวต่อสาธารณชนมากนัก เพราะอาจไม่ต้องการให้พรรคเสียทรง โดยเฉพาะพวกที่ยังอยู่กับพรรคก้าวไกลต่อไป แต่กรณีของ “คริส” ที่เคยอยู่สาย “ธนาธร-ปิยบุตร” มาก่อน เมื่อตัดสินใจแล้วว่า ไม่ขออยู่กับพรรคก้าวไกลต่อไป จึงเดินออกมาพร้อมกับโยนระเบิดเข้าที่ทำการพรรค ที่เป็นการเปลือยกายทางการเมืองของพรรคก้าวไกล ที่ทำให้หลายคนเห็นสภาพภายในพรรคก้าวไกลได้เป็นอย่างดีว่า ข้างในพรรคก้าวไกลก็เละไม่ใช่น้อย!
………………
คอลัมน์ : ส่องป้อมค่ายการเมือง
โดย… “พระจันทร์เสี้ยว”
