วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSรอลุ้น'ศบศ.'เคาะให้ชัด 'รถแลกแจกแถม'รับปีใหม่
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รอลุ้น’ศบศ.’เคาะให้ชัด ‘รถแลกแจกแถม’รับปีใหม่

กลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์” กันอีกรอบ!!! หลังมีกระแสข่าวจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่รู้จักกันติดปากว่า “ศบศ.” เตรียมปั้นโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” มาขย่มตลาดให้สะเทือนกันอีกครั้ง

แม้ข้อมูลเบื้องต้นที่ออกมา จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะต้องรอในรายละเอียดกันอีกครั้งในที่ประชุม ศบศ. ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ แต่ก็สร้างความโกลาหล สร้างความตื่นตัวในตลาดรถยนต์ จนหยุดชะงักกันทีเดียว

ด้วยเพราะเงื่อนไขที่เป็นที่ดึงดูด โดยเฉพาะการให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไปหักลดหย่อนภาษีได้ 3% แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท รวมทั้งยังมีเรื่องของการขอให้ค่ายรถยนต์สนับสนุนส่วนลดให้ 2% และอุดหนุนค่ากำจัดซาก 1% ของราคาขายของรถยนต์ใหม่

ใครที่พอมีกำลังใช้จ่าย ใครที่ต้องการซื้อรถใหม่อยู่แล้ว ต่างก็สะดุด หยุดกึกก่อนตัดสินใจหุนหันพลันแล่นไปก่อน เพื่อดูข้อเสนอของรัฐบาลให้ชัดเจนก่อน

ไม่เพียงเท่านี้…ในช่วงต้นเดือนธ.ค.นี้ คือระหว่างวันที่ 2-13 ธ.ค. ยังมีงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 37 พ่วงเข้าให้อีก ก็กลายเป็นว่า หากเงื่อนไขที่รัฐบาลกำลังสร้างกระแสออกมานั้น เป็นเรื่องจริง

ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่กำลังซึมกะทือ ก็อาจกระเตื้อง กระปรี้กระเปร่า เพิ่มมากขึ้น เหมือนได้น้ำมันเครื่องมาหยอดเครื่องยนต์ให้วิ่งฉิวต่อไปได้ตามที่คาดการณ์ว่าน่าจะทุ 7 แสนคัน สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศ

ตามข้อเท็จจริงแล้ว!! โครงการ “รถแลกแจกแถม” นั้น มีที่ไปที่มา…จากกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รวมถึงฝุ่นพิษ พีเอ็ม 2.5 ที่ในปีที่ผ่านมา ที่เป็นปัญหาหนักมาก ก่อนไวรัสร้ายโควิด จะมารุมตีกระหน่ำ เพราะ 80% ของมลพิษทางอากาศบนโลกใบนี้ ต่างมาจากรถยนต์ด้วยกันทั้งสิ้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยมีรถยนต์เก่าที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป มาจดทะเบียน สูงถึง 1 ใน 4 ของรถจดทะเบียนทั้งหมดในประเทศ ซึ่งข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก ระบุว่า ยอดจดทะเบียนรถยนต์สะสม จนถึง 31 ต.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนมากกว่า 41.31 ล้านคัน

จึงกลายเป็นหน้าที่สำคัญของ “กระทรวงอุตสาหกรรม” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมระดมสมอง หารือร่วมกัน เพื่อให้การกำจัดรถยนต์เก่าเกิดขึ้นให้เป็นรูปธรรมให้ได้

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อรายละเอียดทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ยังไม่มีการหารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมาก ก็กลายเป็นว่าบรรดาค่ายรถยนต์ ต้องสะเทือน เพราะความต้องการซื้อต้องหยุดชะงักไป

แม้รอบนี้ไม่ได้ทำลายตลาดอย่างชัดเจนเหมือนกับ “รถยนต์คันแรก” ที่นำเอาตลาดรถยนต์ล่วงหน้ามากระตุ้นตลาดไปก่อนก็ตาม แต่ความไม่ชัดเจนที่ออกมา หากยังล่าช้า ไม่ตัดสินให้ชัดเจน แทนที่จะช่วยตลาดรถยนต์ กลายเป็นว่าอาจทำให้หยุดชะงักไปก็ได้

อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขสำคัญของ “รถเก่าแลกรถใหม่” ครั้งนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสนับสนุนให้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นให้ได้

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากรัฐบาลตัดสินเลือกสนับสนุนรถยนต์ที่ตรงเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์อีโคคาร์ ที่มีมาตรฐานยูโร 5 และบรรดารถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นประเภทรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด หรือ HEV รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ หรือ BEV

แต่เงื่อนไขสำคัญ!! รถยนต์ทั้ง 2 กลุ่ม ต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตในประเทศแบบ 100% เท่านั้น และต้องมีอายุ 12 ปีขึ้นไป ก็ในเมื่อต้องการช่วยเหลือประเทศ ก็ต้องดูแลอุตสาหกรรมในประเทศด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านี้ในเรื่องของการลดหย่อนภาษี แม้รัฐบาลอาจต้องเฉือนเนื้อกันไปบ้าง แต่ไม่เทียบเท่ากับรถยนต์คันแรกแน่นอน เพราะไม่ได้ให้เต็ม 1 แสนบาท เพราะคนที่จะขอคืนภาษีได้ถึง 1 แสนบาท นั้นต้องเข้าขั้น “อภิมหาเศรษฐี” เท่านั้น

ข้อสำคัญ รายได้ในเรื่องของการจัดเก็บภาษีบุคคล แม้ลดลงบ้าง แต่อีกด้านในแง่ของภาษีสรรพสามิต หรือภาษีการบริโภคในประเทศ ก็ย่อมต้องเพิ่มขึ้น หรือเรียกง่าย ๆ ว่า อัฐยายซื้อขนมยาย!!

อย่างไรก็ตามเชื่อได้ว่า อย่างน้อยในที่ประชุม ศบศ. ในสัปดาห์หน้า คงมีอะไรออกมาให้เห็นกันบ้าง เพราะเป้าหมายและธงของรัฐบาลก็มีความชัดเจนว่า ต้องการให้โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ของคนไทย เช่นเดียวกับโครงการคนละครึ่ง เฟสสอง นั่นแหล่ะ…

ณ เวลานี้ ใครที่ต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็ต้องหาข้อมูล หาราคา หารถยนต์ที่ถูกใจและเข้าเงื่อนไข ไว้ให้พร้อม พอรัฐบาลเคาะจะได้ตัดสินใจได้ทันที !!
……………………………..
คอลัมน์ : Ec Focus by Virgo



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img