วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSโควิดถาม “บิ๊กตู่” จะเลือกอยู่ฝ่ายไหน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

โควิดถาม “บิ๊กตู่” จะเลือกอยู่ฝ่ายไหน

เคยเสนอทรรศนะไว้ตั้งแต่ปีก่อน ช่วงระบาดใหม่ ๆ เมื่อปีก่อนว่า โควิดจะเป็นดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพของระบบการเมืองในแต่ละประเทศ

ถึงขนาดฟันธงไว้ว่า ประเทศที่เป็นเผด็จการ จะจัดการกับปัญหาโควิดได้ดีกว่า ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย

อันที่จริงตั้งใจจะเปรียบเทียบระหว่าง สหรัฐ เจ้าลัทธิประชาธิปไตยทุนนิยม กับ จีน ซึ่งเป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์ทุนนิยม

ผ่านมาถึงวันนี้พอจะสรุปได้เบื้องต้นว่า จีน แก้โควิดได้ดีกว่า สหรัฐ เพราะตัดวงจรการระบาดในรอบแรกได้อย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ได้หมายความว่า เผด็จการคอมมิวนิสต์ทุนนิยมจะบริหารประเทศได้มีประสิทธิภาพได้ดีกว่าประชาธิปไตยทุนนิยม เพราะมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง เช่น เผด็จการอาจปกปิดข้อมูล เพื่อให้ดูดีในสายตาชาวโลก หรือมีกำปั้นเหล็ก สั่งประชาชนซ้ายหันขวาหันได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงลดการติดเชื้อไปได้มาก

ส่วน ไทย คงไปเปรียบกับใครไม่ได้ เพราะมีการปกครองแบบกึ่งเผด็จการกึ่งทุนนิยม ดูจากโครงสร้างการปกครองมีลักษณะรวมศูนย์ ผูกขาดอำนาจโดยทุนและปืนแบบ นายทุนขุนศึก ดังนั้นเศรษฐกิจในภาพรวมจะคล้ายกับเป็นทุนนิยมเสรี แต่จริง ๆ แล้วมีการผูกขาดธุรกิจสำคัญ ๆ ไว้ในมือคนกลุ่มเดียว

แม้จะมีกลิ่นอาจของเผด็จการอยู่บ้าง และสามารถแก้โควิดในรอบแรกได้อย่างดีเยี่ยมเป็นที่ 1 ของโลก แต่ไม่ได้หมายความว่า คิดแบบเผด็จการแล้วจะจัดการได้ดี เพราะการระบาดในรอบสองเกิดจากเผด็จการนี่แหละ

อธิบายง่าย ๆ โดยไล่เรียงไปจากที่มาของ รัฐมนตรี ในรัฐบาล “บิ๊กตู่” ประกอบด้วยคน 3 ฝ่ายคือ ข้าราชการ นักการเมือง และ นักธุรกิจ

บังเอิญ “บิ๊กตู่” มาจากข้าราชการ มีหลักนิยมแบบราชการ จึงบริหารแบบระบบราชการมากเกินไป จนเริ่มส่งผลเสียให้เห็น เพราะการปล่อยให้ข้าราชการเป็นผู้ถืออำนาจมากเท่าใด ก็ยิ่งจะเกิดสภาพเผด็จการมากเท่านั้น และก็ตามมาด้วยการคอร์รัปชั่นที่รุนแรง ดั่งจะเห็นจาก คนในเครื่องแบบลักลอบขนแรงงานเถื่อนเสียเอง และเดินเก็บส่วยตามบ่อน จนแรงงานเถื่อนและบ่อนกลายเป็นแหล่งแพร่โควิด สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับบ้านเมือง

ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนธันวาคม ก่อนโควิดระบาดใหญ่ ชาวบ้านเห็นรถบรรทุกทะเบียนราชการไปจอดที่ริมแม่น้ำเมย ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อขนแรงงานเถื่อนประมาณ 30 คนที่ข้ามจากประเทศเพื่อนบ้าน

ปรากฏว่า ชาวบ้านและฝ่ายปกครองที่นั่นเข้มแข็งมาก มีการจัด ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เดินลาดตระเวนตลอดลำน้ำเมย และนายอำเภอยังสั่งให้ยกเรือขึ้นตลิ่งทั้งหมด เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนทั้งกลางวันและกลางคืน

เมื่อ ชรบ.เห็นคนในเครื่องแบบกำลังขนแรงงานเถื่อน จึงเข้าไปห้าม ปรากฏว่าโดนคนในเครื่องแบบตวาดกลับ และห้ามไม่ให้เข้ามายุ่ง โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของทางราชการ ชรบ.ทำอะไรไม่ได้จึงถอยออกมา แต่พอคล้อยหลังก็ยิงปืนลูกซองขึ้นฟ้าเพื่อแสดงให้รู้ว่า ชาวบ้านไม่พอใจในการกระทำของคนในเครื่องแบบ เรื่องนี้รู้กันทั้งอำเภอ เหลือแต่ “บิ๊กตู่” เท่านั้นที่ไม่รู้

หาก “บิ๊กตู่” รู้แล้ว อย่าทำเป็นหูทวนลมด้วยคุ้นชินกับวิธีปฏิบัติราชการ คือรอฟังรายงานแต่ไม่เปิดใจรับฟังเสียงของชาวบ้าน

โทษที..!! ไม่มีกังฉินหน้าไหนหรอกที่จะโง่ถึงขนาดลากไส้รายงานความชั่วของตัวเอง

มาถึงวันนี้ “บิ๊กตู่” ต้องเลิกคิดืทำงานแบบราชการ และหันมาคิดแบบ นักการเมือง คือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง หรือคิดแบบ นักธุรกิจ ที่ยึดเอาเป้าหมายเป็นหลัก

สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน โปรดอย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของประชาชนและภาคธุรกิจ เพราะผ่านมาเกือบปี ทุกคนร่วมมือป้องกันโควิดจนประสบความสำเร็จ ด้วยหวังว่า เมื่อโรคสงบก็จะทำให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาดีเหมือนเดิม หาก “บิ๊กตู่” ปล่อยให้ข้าราชการชั่ว เพียงไม่กี่คนหากินจนชาติบ้านเมืองเดือดร้อนแล้วไม่รีบจัดการให้เด็ดขาด ก็เท่ากับไปร่วมกับคนกลุ่มนี้ย่ำยีหัวใจประชาชน

วันนี้ โควิด เป็นผู้ตั้งคำถามกับ “บิ๊กตู่” ว่าจะเลือกอยู่ฝ่ายไหนระหว่าง ข้าราชการ หรือ ประชาชน ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ไม่มีเวลาให้คิดแล้ว.

#ดินสอโดม

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img