กลายเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ตำหนิการจัดหาวัคซีนของรัฐบาลในทำนองว่า ใครได้ใครเสีย
เช่น คนไทยได้วัคซีนช้าไป ไม่ครอบคลุมประชากร เสียโอกาสพัฒนาประเทศ ประมาท เจรจาช้า และฝากความหวังไว้กับบริษัทเดียวคือ แอสตร้า เซเนก้า ที่มาจ้างให้บริษัท สยามไบโอไซน์ ผลิตเพื่อฉีดให้กับคนไทย 26 ล้านโดส เป็นการพึ่งพิงโครงสร้างแบบเดียว
ที่สำคัญมีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการวิจารณ์ บริษัทสยามไบโอไซน์ ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัคซีนราคาถูกสุด ๆ มาฉีดให้กับคนไทยล็อตใหญ่
รู้ ๆ กันอยู่ โควิด เป็นวิบัติภัยของชาวโลก ทุกประเทศจึงแย่งยื้อวัคซีนกันอุตลุด ตลาดจึงเป็นของผู้ขาย ส่วนผู้ซื้อนั้นไม่มีอำนาจต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น
บริษัทสยามไบโอไซน์ จึงใช้กลยุทธ์ไปขอร่วมหุ้นกับบริษัทแอสตร้า เซเนก้า ซึ่งมีเทคโนโลยีชั้นสูง จนส่งผลให้ไทยได้รับสิทธิเป็นผู้ผลิตวัคซีน ทำให้คนไทยมีหลักประกันดีกว่าประเทศอื่น
บริษัทสยามไบโอไซน์ ก่อตั้งและถือหุ้นโดย พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งประกอบกิจการขาดทุนมาตลอด อันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า นี่ไม่ใช่ธุรกิจค้ากำไร แต่มีเป้าหมายเพื่อชาติบ้านเมือง
ธนาธร คงคุ้นเคยกับการแข่งขันเพื่อค้ากำไรกับธุรกิจผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ อาจไม่คุ้นเคยกับกิจการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังผลกำไร ไม่คุ้นชินกับการตอบแทนสังคมโดยไม่หวังผลประโยชน์ใด ๆ ไม่หวังคะแนนนิยม ไม่คิดแบบนักการเมืองที่ชอบแต่ตำหนิคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี จนติดนิสัยชอบทำตัวเป็น “เครื่องหมายถูก” ใครคิดต่างผิดหมด
โดยเฉพาะแนวคิดการฉีดวัคซีนที่ ธนาธร ต้องการให้ฉีดครบทุกคน นอกจากเปลืองแล้วยังทำให้ประชาชนที่ไม่มีความเสี่ยง กลับต้องได้รับความเสี่ยงจากผลแทรกซ้อนของวัคซีนโดยไม่จำเป็น ฉะนั้นแพทย์จึงเสนอให้ฉีดเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง หากหยุดการแพร่เชื้อได้สำเร็จ โรคก็จะสงบไปเอง
ถ้าต้องการฉีดให้ครบทุกคน ไพร่หมื่นล้าน ผู้มากทรัพย์สินอย่าง ธนาธร ควรเริ่มจากการควักเงินสัก 1 หมื่นล้านไปซื้อวัคซีนมาฉีดฟรี อย่าดีแต่ปาก
เอาเถอะ..!! อย่าเสียเวลาไปโต้เถียงอะไรกันมากมาย เพราะวิธีคิดและพฤติกรรมของแต่ละคน มักมีผลมาจากการเลี้ยงดูช่วงวัยเด็ก ถ้าใครถูกเอาใจกันทุกเรื่อง พอโตขึ้นอาจหลงนึกว่าตัวเองคือ พระเจ้า ติดสินัยผูกขาดความคิดมีจิตเป็นเผด็จการ แต่ชปากมักจะพร่ำพูดแต่เรื่องประชาธิปไตย
ใครอาการไม่หนักก็จะเป็นแค่ ฮ่องเต้ซินโดรม งอแงฟูมฟายเพื่อให้ทุกคนคอยตามใจ แต่บางคนที่หนักหนาสาหัสอาจแสดงออกในลักษณะ ”บุคลิกภาพบกพร่อง” เอาแต่ใจตัวเอง ย้อนแย้งสังคมไปทุกเรื่อง ถ้าเห็นคนส่วนใหญ่ใช้เท้าเดิน ก็จะพยายามเอาหัวเดินต่างเท้า พร้อมกับตำหนิว่าทุกคนกำลังเดินผิดวิธี
ใครมีอาการเหล่านี้ ขอแนะให้ไปพบจิตแพทย์ เพื่อบำบัดการใช้เท้ากับใช้หัวให้ถูกวิธี เผื่อจะเลิกย้อนแย้งสังคมได้บ้าง.ดินสอโดม
