ยังไม่จบ!! ยังไม่รู้ว่า…“คอบอลชาวไทย” จะมีโอกาสได้ลุ้นความมันจาก “ฝีแข้ง” ของนักเตะทั่วโลกได้สักกี่นัด!! กับ มหกรรมฟุตบอลโลก 2022 รอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่กำลังจะดวลแข้งกันในวันที่ 20 พ.ย.-18 ธ.ค.นี้ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
เพราะจนถึงเวลานี้ ยังไม่มีบทสรุปว่า เงินส่วนต่างค่าลิขสิทธิ์บอลโลก บรรดาบิ๊กคอร์ปรายใด? จะยอมเฉือนเนื้อเพื่อปรนเปรอความสุขให้คนไทยได้รับชมครบทั้ง 65 นัด โดยที่ผลกำไรกลับคืนนั้น…ไม่คุ้มค่า
แม้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ บอร์ดกสทช. ได้ยึด “หลักเกณฑ์เดิม” ไฟเขียวให้คนไทยมีโอกาสได้ชื่นชมมหกรรมกีฬายอดนิยมของมวลมนุษยชาติครั้งนี้ ในวงเงิน 600 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงต้าน เสียงคัดค้านว่า…เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
เป็นที่รู้กันทั่วประเทศ!! การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ได้เสนอของบประมาณสนับสนุน ค่าลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดบอลโลก 2022 จาก กสทช. เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 1,600 ล้านบาท
ดังนั้น กกท.ก็ต้องดิ้น ที่จะเจรจาขอส่วนลดค่าลิขสิทธิ์จากฟีฟ่าให้น้อยลงกว่านี้ รวมไปถึงการหว่านล้อมให้ “บิ๊กคอร์ป” เข้ามาร่วม “ลงขัน” อีกทาง
ล่าสุด… ก็มีกระแสข่าวว่า “บิ๊กคอร์ปเจ้าเดิม” ที่เคยสนับสนุนในการแข่งขันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้ “ตอบรับ” มาแล้ว 2 ราย ส่วนที่เหลือ อีก 4 ราย ยังไร้วี่แวว
ปัญหา? ที่คนไทย ทั้งประเทศสงสัย คงไม่ได้อยู่ที่ว่ายักษ์ใหญ่เจ้าใด? ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มความสุขครั้งนี้
แต่ข้อสงสัยอยู่ที่ว่า เหตุไฉน? กกท.ถึงเพิ่งตื่นตัวในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้งที่ชาวโลกต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่า มหกรรมของมวลมนุษยชาติครั้งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด
ข้อมูลผลการสำรวจ Nielsen Fan Insights ของบริษัทวิจัยต่างชาติ นีลเส็น ที่เผยแพร่เมื่อกลางปีที่แล้ว เกี่ยวกับความนิยมกีฬาของคนไทย ระบุว่า คนไทยนิยมดูกีฬามากถึง 43 ล้านคน หรือคิดเป็น 84% ของคนทั้งประเทศ
ผลสำรวจยังบอกอีกว่า คนไทยส่วนใหญ่ ต่างหาช่องทางในการรับชมผ่านฟรีทีวีมากถึง 74% ตามมาด้วยโซเชียลมีเดีย 69% บริการสตรีมมิ่ง 46% และเปย์ทีวีหรือทีวีระบบบอกรับสมาชิก 37% เป็นต้น
ที่สำคัญ!! มหกรรมฟุตบอลโลก ได้กลายเป็น กีฬายอดนิยมในดวงใจมากถึง 61% รองลงมาคือ เอเชียนเกมส์ 55% ซีเกมส์ 54% และเอเชียน วอลเลย์บอล คัพ 53%
ในเมื่อรู้กันอยู่เต็มอกว่าทุก 4 ปี คนไทยทั้งประเทศต่างคาดหวังที่จะได้ผ่อนคลายกับมหกรรมกีฬาครั้งสำคัญของโลก แต่ทำไม? การเตรียมการ-การวางแผน จึงไม่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
แถมยังมี “ข้อมูลหลุด” ออกมาให้ฝ่ายตรงข้าม “รอแซะ” ว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตัวแทนฟีฟ่าได้เสนอแพ็กเกจการถ่ายทอดบอลโลกครั้งนี้ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ไป โดยเป็นแพคเกจสูงสุดที่ถ่ายทอดสดครบ 64 แมทช์ เป็นวงเงินเพียง 882 ล้านบาทเท่านั้น
เชื่อได้ว่า…หลายคนคงมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกัน เพราะส่วนต่างราคาที่เกิดขึ้นเพียงแค่ 5 เดือน แต่ราคาค่าลิขสิทธิ์กลับพุ่งสูงปรี๊ดไปเท่าตัว
ขณะเดียวกัน หากพูดกันแบบบ้าน ๆ ก็เชื่อว่า ใช่ว่า…ผู้ที่มีหน้าที่จะไม่ดำเนินการ แต่การเจรจาต้าอ่วย!! อาจไม่ลงตัว หรือไม่ก็รอดูงบประมาณของรัฐที่ชัดเจนก่อน แล้วค่อยมาดีดลูกคิด คำนวณผลประโยชน์ว่าคุ้มค่ากับการ “ลงขัน” มากน้อยแค่ไหน?
ต่อให้หลายฝ่ายหยิบเงื่อนไขของกฎ Must Have… Must Carry ที่ผูกเงื่อนไว้โดย กสทช. ออกมาเปิดโปง ออกมาแฉว่า เป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้บรรดาภาคธุรกิจไม่กล้าลงทุนก็ตาม
แต่เชื่อเถอะ!! ข้างหลังยังมีอะไรนอกเหนือจากกฎที่ว่าอีกมากมาย ที่เชื่อว่าบรรดา “คอบอล” ต่างรู้ซึ้งกันดีอยู่แล้ว!!
หากจำกันได้!! ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อกลางปีที่แล้ว ก็เกิดสถานการณ์เกี่ยงกันจ่ายเช่นกัน!!
จนวินาทีสุดท้าย…ประเทศไทยก็ได้อัศวินม้าขาวอย่าง “โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานกรรมการ บริษัท ซัมมิท ฟุตแวร์ จำกัด เจ้าของแบรนด์รองเท้าชื่อดังอย่าง “แอโร่ซอฟท์”
“โกมล” สวมวิญญาณ “ใจป๋า” ควักเงิน ประมาณ 310 ล้านบาท ทุ่มซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 เพียงผู้เดียว และมอบให้ NBT ถ่ายทอดสดให้ชม ทำให้คนไทยได้ชมการแข่งขันแบบครบทุกคู่ ทั้ง 51 แมชต์
แม้เบื้องลึก…เบื้องหลัง… ในครั้งนั้นได้แฝงไว้ด้วยอะไรก็ตาม!! แต่บรรดาคอบอล ก็มีรองเท้า “แอโร่ซอฟท์” ติดบ้านอย่างน้อยคนละคู่
มาครั้งนี้!! มหกรรมกีฬายอดนิยม ก็เดินทางมาตามวิถีของฟุตบอลยูโร 2020 เช่นกัน ซึ่งยังรอว่าใคร? จะเป็นอัศวินม้าขาว ที่เข้ามาเสกความสุขให้คนไทยทั้งชาติอีกครั้ง!!
……………………………………………..
คอลัมน์: EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
