วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี 2.5 หมื่นล้าน!!! จะเดินหน้าต่อ...หรือหวังคว่ำ“บิ๊กตู่”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี 2.5 หมื่นล้าน!!! จะเดินหน้าต่อ…หรือหวังคว่ำ“บิ๊กตู่”

เบรกดังเอี๊ยด!! กับ โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก หรือ “โครงการท่อส่งน้ำอีอีซี” มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ที่ต้องชะลอการลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ออกไปโดยไม่มีกำหนด


หลังฝ่ายค้านและพรรคเล็ก จับมือเดินหน้าขัดขวางโครงการนี้เต็มที่ พร้อมกับขู่ฟ่อ ถ้าเซ็นสัญญากันเมื่อไหร่ เรื่องนี้…รู้ถึงหูคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ “ป.ป.ช.” แน่!!

เป้าหมาย…ก็เพื่อเอาผิด “นายกฯบิ๊กตู่” ในฐานะประธานบอร์ดอีอีซี พ่วงรวมไปถึงบรรดารมต.กระทรวงการคลัง คณะกรรมการที่ราชพัสดุที่เห็นชอบในเรื่องนี้ หรือแม้แต่…อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่ทำหน้าที่เปิดซองการประมูลเมื่อวันที่ 30 ก.ย.64

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้!! หากดูข้อมูลประกอบ โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่ตอบแทนให้รัฐ ก็แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ทั้งค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญาและส่วนแบ่งรายได้รวม แต่!! มาติดขัดตรงที่ “มีการแก้สัญญากลางคัน” จนทำให้ต้องมีการเปลี่ยนมือ

ขณะเดียวกัน ยังมีการนำผลการดำเนินงานของผู้ได้รับสัมปทานรายเดิม กับผลตอบแทนที่ให้กับภาครัฐ รวมถึงการคิดอัตราค่าน้ำ ที่เรียกเก็บจากบรรดาผู้ประกอบการรวมถึงประชาชนที่ใช้บริการ ที่ดูแล้ว…ก็สะกิดใจ!! ผู้ใช้น้ำหรือแม้แต่เจ้าของโครงการเองก็ตาม

ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อให้เห็นภาพใส ๆ ว่าทำไม? จึงต้องมีการเปลี่ยนมือผู้บริหารโครงการ ซึ่งก็ชอบด้วยความถูกต้อง ทั้งในเรื่องของกฎหมาย ทั้งในเรื่องของการคุ้มครองผลประโยชน์ของภาครัฐ และการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภค

“ประภาศ คงเอียด” อธิบดีกรมธนารักษ์คนปัจจุบัน ระบุไว้ชัดเจนว่า การดำเนินการคัดเลือกเอกชนในโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ครั้งนี้อยู่ภายใต้ 3 เงื่อนไข คือ 1.ถูกต้องตามกฎหมาย 2.คุ้มครองผลประโยชน์รัฐ และ 3.คุ้มครองผู้บริโภค

ทั้งนี้ในแง่ของผลประโยชน์ต่อรัฐ หากลงนามสัญญากับเอกชนที่ชนะการประมูล รัฐจะได้รับเงินก้อนแรกทันที 743 ล้านบาท ขณะที่ผู้บริโภค จะได้รับค่าน้ำไม่เกิน 10.98 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ตลอดอายุสัญญา 30 ปี

ไม่เพียงเท่านี้!! อธิบดีกรมธนารักษ์ยังสำทับให้เห็นชัด ๆ ว่า ไม่มีกระแสอะไรที่ต้อง “ยกเลิก” ผลการประมูล เพราะกระแสสังคม…ไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมาย!! ที่นำไปสู่การทบทวนมติของคณะกรรมการที่ราชพัสดุ

ส่วนทางออกในช่วงนี้ ในเมื่อยังเป็นประเด็นที่กระแสสังคมไม่เข้าใจ ก็ต้องชะลอการลงนามกับผู้ชนะการประมูลไปก่อน และเร่งสร้างความเข้าใจแก่สังคมให้มากและเร็วที่สุด ก่อนดำเนินการต่อไป

โครงการท่อส่งน้ำ / cr: www.vongsayam.co.th

ด้าน “ผู้ชนะการประมูล” เอง ก็เชื่อได้ว่าทำใจมาก่อนหน้านี้แล้ว และด้วยสารพัดเหตุผล ยังเชื่อได้ว่า…ก็ต้องมาถึงจุดนี้ แต่ก็ยืนกรานว่า ผลที่ออกมาเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ใช่การล็อคสเป็ก

ที่สำคัญ… เรื่องของการให้ผลตอบแทนที่สูง ก็เพราะโครงการนี้จะช่วยสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือให้ หากจะมีรายได้ มีกำไรลดลงไปบ้าง ก็ถือว่าคุ้ม!!

เอาจริง ๆ นะ…งานนี้!! กระแสสังคมมองไปในทิศทางเดียวกันอยู่แล้วว่า “เกมการเมือง” ชัด ๆ ปฎิเสธ!! อย่างไรก็หนีไม่พ้นแน่นอน

แถมฝ่ายค้านยังประกาศโต้ง ๆ ว่าจะใช้เป็น “เรือธง” เพื่อ “คว่ำเก้าอี้” ของนายกรัฐมนตรี ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากเปิดประชุมสภาฯในเดือนพ.ค.นี้ อีกต่างหาก

จึงเป็นเหตุใหญ่… ของการเลื่อนลงนามในสัญญา ก็อย่างว่าล่ะ โครงการมหึมา มูลค่าเยอะ แถมมองเห็นหนทางการทำรายได้ การทำกำไร ก็อดไม่ได้หรอก!! ที่ต้องแฝงไปด้วยผลประโยชน์

ที่สำคัญ อย่ามาตีหน้าซื่อ…นัยตาใส… กันอยู่เลยว่าสังคมไทย ใสซื่อ สะอาดหมดจด ไม่มีหรอก!! ผลประโยชน์!! ฝันทั้งเพ !!

เหนือสิ่งอื่นใด… ก็มีกระแสความหวาดระแวงเรื่องการ “กินหัวคิว” ออกมาให้สะเทือนกันอีก!!

ทั้งหลายทั้งปวง ก็ต้องจับตาดูกันต่อไป ว่าทางออกเรื่องนี้จะยุติอย่างไร เพราะใช่ว่า…เมื่อโครงการเปลี่ยนมือแล้ว จะเดินหน้าต่อได้ทันทีทันใด

อย่างไรก็ต้องมีกระบวนการเชื่อมต่อ หากล่าช้า คนที่เสียผลประโยชน์ทุกทางก็คือ…ประชาชนคนไทย!!

……………………………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img