วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกNEWS''อาคม''ห่วงกู้กยศ.ไม่มีดอกเบี้ย จะไม่มีเงินให้เด็กรุ่นต่อไป เผยเบี้ยวหนี้ 9 หมื่นลบ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

”อาคม”ห่วงกู้กยศ.ไม่มีดอกเบี้ย จะไม่มีเงินให้เด็กรุ่นต่อไป เผยเบี้ยวหนี้ 9 หมื่นลบ

‘’อาคม’’ห่วงกฎหมายกยศ.ฉบับใหม่จะเป็นภาระกองทุน หวั่นเด็กรุ่นต่อมีเงินให้กู้  ชี้กฎหมายจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเห็นของวุฒิสภา ขณะที่กยศ.เผยเบี้ยวหนี้กว่า 2.5 ล้านคนกว่า 9 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 15 ก.ย.65 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยไม่เก็บดอกเบี้ย และไม่คิดเบี้ยปรับ ไม่มีผู้ค้ำประกัน และให้มีผลย้อนหลังก่อนกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ ว่า ถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านทั้งสองสภา ก็คงต้องมีการวางแผนบริหารเงิน กยศ. ในนอนาคต เพราะว่า ในร่างกฏหมายใหม่ การบริหารเงินจะแตกต่างจากเก่า ที่เคยมีเงินดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ เป็นรายได้ของกองทุนจะหายไปหมด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กยศ.บริหารเงินกองทุนโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินแล้ว แต่ใช้เงินประเดิมกองทุนที่รัฐบาลให้ และเงินส่วนที่เยาวชนรุ่นก่อน เรียนจบแล้วก็มีการคืนทั้งเงินต้น และดอกเบี้ย บางส่วนถ้าล่าช้าก็เสียเบี้ยปรับ ทำให้มีเงินหมุนตลอดเวลา

“ในเงื่อนไขของร่างกฎหมายใหม่ก็ต้องดูเงินที่เข้ามา และความต้องการใช้เงินว่ามากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม จะมีหรือไม่มีดอกเบี้ยนั้น ผู้กู้ยืมยังคงต้องมีวินัยการเงิน เพื่อคืนเงินต้น ให้คนรุ่นต่อๆไป ได้กู้ยืมต่อ ส่วนสถานะการเงินของกองทุน ก็ยังไม่เห็นปัญหาส่วนนี้ แต่ได้คาดการณ์ว่า ถ้ามีความต้องการมากขึ้น แต่ รายได้ไม่เข้ามาเพิ่ม เพราะไม่มีดอกเบี้ย และเบี้ยปรับ ก็จะต้องใช้เงินก้อนเดิมที่เป็นเงินต้นมาใช้หมุนเวียน ดังนั้นเงื่อนไขที่สำคัญคือ เงินก้อนนี้ต้องกลับมา หมายความว่า ผู้กู้ ต้องคืนเงินต้น ไม่เช่นนั้นจะเป็นภาระกองทุนได้”นายอาคมกล่าว

นายอาคม กล่าวต่อว่า ร่างกฎหมาย กยศ. ฉบับใหม่ สภาได้ลงมติเห็นชอบไปแล้ว แต่ก็ยังมีขั้นตอนของวุฒิสภา ที่กระทรวงการคลังต้องไปชี้แจง ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ส่วนจะสามารถปรับเปลี่ยนร่างกฎหมายได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของวุฒิสภา

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า หากกฎหมายมีผลบังคับใช้ตามที่รัฐสภา เห็นชอบ ทางคณะกรรมการกองทุน จะ ต้องพิจารณาถึง ผลกระทบต่อสถานะกอง และ การบริหารจัดการเรื่องการปล่อยกู้ ในกับนักเรียน ในระยะต่อไป เนื่องจาก ในแต่ละปี กองทุนจะมีสภาพคล่องที่ได้รับจากการชำระหนี้เงินกู้ ประมาณ 40,000 ล้านบาท ในจำนวน เป็นอัตราดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ประมาณ 6,000 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุน ประมาณ 2,000 ล้านบาท ต่อปี เมื่อไม่มีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ รายรับส่วนนี้ก็จะหายไป อย่างไรก็ตาม กองทุน หวังว่า เมื่อมีการยกเว้นดอกบี้ยและเบี้ยปรับ จะทำให้ ความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ของเด็กมีมากขึ้น ก็จะช่วยในเรื่องของสภาพคล่องของกองทุนได้

นายชัยณรงค์ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ กยศ.ต้องเตรียมข้อมูล เพิ่มเติมเพื่อไปชี้แจงต่อ วุฒิสภา ประเด็นสำคัญ คือ เหตุจำเป็นที่จะต้องมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ และข้อเท็จจริงของผลกระทบต่างๆ ซึ่งตามกระบวนการกฎหมาย ใช้เวลาพิจารณา 1 เดือน เพราะเป็นกฎหมายด้านการเงิน หากผ่านวุฒิสภาเห็นชอบ ก็รอกระบวนการออกกฎหมายบังคับใช้ ซึ่งมีเวลาอีกระยะหนึ่ง แต่หากวุฒิสภาไม่เห็นชอบจะต้องมีการตีกฎหมายกลับมา และมีการตั้งกรรมาธิการร่วมสองสภา เพื่อแก้ไขร่างกฎหมายนี้อีกครั้ง

 ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2538 กองทุนใช้เงินงบประมาณสำหรับให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา 3,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต ซึ่งขณะนี้ดำเนินการมาแล้วกว่า 20 ปี มีเงินหมุนเวียนแล้ว 4 แสนล้านบาท ปล่อยกู้กว่า 6.9 แสนล้านบาท คิดเป็น 6.2 ล้านคนทั้งนี้ มีผู้ปิดบัญชีการชำระหนี้แล้ว 1.6 ล้านคน เสียชีวิต 6.7 หมื่นคน กำลังศึกษาอยู่ 1 ล้านคน และอยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3.5 ล้านคน โดยจากจำนวนดังกล่าวผิดนัดชำระหนี้กว่า 2.5 ล้านคน คิดเป็นเงินต้นกว่า 9 หมื่นล้านบาท

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img