วันเสาร์, เมษายน 27, 2024
หน้าแรกHighlight‘กทพ.’ชงบอร์ดเจรจา‘BEM’แลกก่อสร้าง ทางด่วนชั้นที่ 2-เงินลงทุน 3.4 หมื่นล้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘กทพ.’ชงบอร์ดเจรจา‘BEM’แลกก่อสร้าง ทางด่วนชั้นที่ 2-เงินลงทุน 3.4 หมื่นล้าน

‘กทพ.’ เตรียมเสนอบอร์ดก.พ.นี้ เจรจา BEM ขยายสัมปทานมากกว่า 15 ปี แลกสร้าง Double deck ทางด่วนชั้นที่ 2 ช่วงงามวงศ์วาน-พญาไท-พระราม 9 คาดใช้เม็ดเงินก่อสร้างเพิ่ม 3.4 หมื่นล้านบาท

นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กทพ.ได้ศึกษาความเหมาะสมของการพัฒนาโครงการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 (Double deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พญาไท-พระราม 9 แล้วเสร็จ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2563 ที่มอบหมายให้ กทพ.ศึกษาโครงการดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางพิเศษศรีรัช โดยทางด่วนสายนี้จะเป็นทางด่วนทับซ้อนแนวเส้นทางเดิม และไม่ต้องเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี การพัฒนาโครงการ Double deck มีแนวทางที่จะมอบหมายให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ซึ่งเป็นเอกชนผู้รับสัมปทานบริหารโครงการอยู่ในปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินการลงทุนก่อสร้าง เพื่อแลกกับการขยายระยะเวลาสัมปทานตามที่ ครม.เคยให้แนวทางไว้ว่าจะขยายสัมปทานออกไปจากเดิม 15 ปี เพื่อแลกกับการลงทุนก่อสร้างทางด่วน 3 หมื่นล้านบาท

แต่จากการศึกษาในขณะนี้พบว่ามูลค่างานโยธา Double deck จำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.4 หมื่นล้านบาท ปัจจัยจากต้นทุนค่าวัสดุที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงมีแนวเส้นทางที่ กทพ.ต้องการให้ขยายเพิ่มเติมจากช่วงศูนย์แพทย์พัฒนา พระราม 9 เชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัช ระยะทาง 2 กิโลเมตร ส่งผลให้ กทพ.ประเมินว่าจะต้องพิจารณาขยายสัมปทานเพิ่มเติมมากกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี 

“ ขณะนี้กทพ.ศึกษารายละเอียดโครงการเสร็จแล้ว โดยเอกชนพร้อมที่จะเป็นผู้ลงทุนก่อสร้าง เพื่อแลกกับการขยายสัมปทาน แต่ตอนนี้กำลังเจรจากันอยู่ว่าจะต้องให้สัมปทานกี่ปีถึงจะเหมาะสม ตอบคำถามประชาชนได้ คาดว่าจะได้ข้อสรุป และเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ภายในเดือนก.พ.นี้”

ขณะที่ขั้นตอนหลังจากนี้ หากผ่านการเห็นชอบจากบอร์ด กทพ. ก็จะเข้าสู่คณะกรรมการกำกับตามมาตรา 43 พ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2556 ก่อนเสนอไปยังอัยการสูงสุด และ ครม.พิจารณาอนุมัติ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ หรือภายในเดือน ก.ย.2567 พร้อมลงนามสัญญาร่วมกับ BEM ในการขยายสัมปทานบริหารทางด่วนอุดรรัถยา และทางด่วนศรีรัช โครงข่ายนอกเมือง (ทางด่วนขั้นที่ 2) ส่วน ABC และส่วน D 

สำหรับมติ ครม.เมื่อปี 2563 ได้ขยายสัมปทานบริหารทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน ABC และส่วน D ออกไป 15 ปี 8 เดือน เพื่อยุติข้อพิพาทระหว่าง กทพ.และ BEM ส่งผลให้ปัจจุบันสัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 จะสิ้นสุดสัญญา 31 ต.ค. 2578 นอกจากนี้ ครม.ได้มอบหมายให้ กทพ.ศึกษาความเหมาะสมของการลงทุนทางด่วน Double deck โดยมีแนวทางให้เจรจาเอกชนเป็นผู้ลงทุนแลกกับสัมปทานทางด่วนเพิ่มขึ้นอีก 15 ปี 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน กทพ.ยังไม่ได้ข้อสรุปในส่วนของระยะเวลาสัมปทานที่จะขยายออกไป เพื่อแลกกับการพัฒนา Double deck แต่มีแนวโน้มที่จะขยายมากกว่า 15 ปี ส่งผลให้ภาพรวมหากข้อเสนอของ กทพ.ได้รับการอนุมัติสัญญาสัมปทานของทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน ABC และส่วน D จะขยายอายุออกไปไม่น้อยกว่า 15 ปี จากปัจจุบันสิ้นสุด 31 ต.ค. 2578 

สำหรับพื้นที่ศึกษาของโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 1 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร จำนวน 7 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ เขตจตุจักร เขตพญาไท เขตดุสิต เขตราชเทวี เขตดินแดง และเขตห้วยขวาง โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับงามวงศ์วานไปสิ้นสุดโครงการบริเวณถนนพระราม 9 รวมระยะทาง 17 กิโลเมตร ประมาณการณ์วงเงินค่าก่อสร้าง 34,028 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีด่านเก็บค่าผ่านทาง จำนวน 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณประชาชื่น และด่านเก็บค่าผ่านทางบริเวณมักกะสัน มีทางขึ้น-ลง จำนวน 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางขึ้น-ลงจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณทางแยกต่างระดับงามวงศ์วาน ทางขึ้น-ลงบริเวณย่านพหลโยธิน และทางขึ้น-ลงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณโรงพยาบาลพระราม 9 และตำแหน่งที่มีเฉพาะทางลง จำนวน 1 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางลงบริเวณทางแยกต่างระดับมักกะสัน

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img