“หมอธีระ”ย้ำอย่าประมาทแม้ “โอมิครอน”ตายน้อยกว่าเดิมแต่หากแพร่เร็ว จะมีผลกระทบในแง่จำนวนคนนอนรพ.และจำนวนผู้เสียชีวิตแบบ absolute numbers
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า 7 ธันวาคม 2564…เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 418,375 คน ตายเพิ่ม 4,758 คน รวมแล้วติดไปรวม 266,599,105 คน เสียชีวิตรวม 5,276,361 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมัน รัสเซีย และฮังการี
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 95.03 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 94.47
ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นมากถึงร้อยละ 60.41 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 64.39
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
…สำหรับสถานการณ์ไทยเรา
เมื่อวานติดเชื้อเพิ่ม 4,000 คน สูงเป็นอันดับ 23 ของโลก
หากรวม ATK อีก 1,157 คน ก็ขยับเป็นอันดับ 17 ของโลก
ยอดรวม ATK จะเป็นอันดับ 5 ของเอเชีย รองจากตุรกี เวียดนาม อินเดีย และจอร์แดน
…อัพเดต 3 เรื่อง
1.สถานการณ์ระบาดของโอมิครอนในแอฟริกาใต้
ชัดเจนว่าในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โอมิครอนระบาดอย่างรวดเร็ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นมาก โดยกราฟการระบาดชันกว่าเดลต้าอย่างมาก แสดงถึงสมรรถนะในการแพร่ที่สูงกว่าเดลต้า
ปัจจุบันอัตราการเพิ่มของจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของแอฟริกาใต้อยู่ราว 25%
จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรับการดูแลรักษาในโรงพยาบาลนั้นสูงขึ้นชัดเจน ทำให้ภาระของระบบสาธารณสุขสูงขึ้นมากในพื้นที่ระบาด
ช่วงเวลาเหลื่อมระหว่างติดเชื้อกับนอนโรงพยาบาลนั้น (Lag time between infection and hospitalization) น่าจะอยู่ระหว่าง 5-7 วัน
ในขณะนี้ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้เสียชีวิตว่าจะเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด จำเป็นจะต้องติดตามต่ออีก 1-2 สัปดาห์ น่าจะสรุปได้ว่าอัตราตายน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้จริงหรือไม่ คาดการณ์ว่าถ้าเป็นไปในลักษณะนี้อัตราตายจะน้อยกว่าเดิมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
2.ข้อมูลจากสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับโอมิครอน
หากดูอัตราของจำนวนการติดเชื้อใหม่ต่อจำนวนคนที่ป่วยจนต้องรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จะพบว่าดูจะมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าระลอกก่อนหน้า นั่นแปลว่าโอกาสติดเชื้อแล้วป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาลดูจะลดลงกว่าเดิม
ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจต้องติดตามต่อไปอีกระยะเช่นกันว่า จำนวนติดเชื้อโอมิครอนที่กำลังเพิ่มขึ้นนั้น ลักษณะของประชากรที่ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรนั้นเป็นเช่นไร เหมือนและต่างจากแอฟริกาใต้หรือไม่ และหากมีการแพร่กระจายมากขึ้นกว่านี้ จะยังคงอัตราเดิมให้เห็นหรือไม่
3.ข้อมูลจากอิสราเอลเกี่ยวกับผลจากการฉีดกระตุ้นเข็มสาม (mRNA vaccine)
เราทราบกันดีว่าอิสราเอลรณรงค์ฉีดวัคซีนเข็มสามของ Pfizer/Biontech ไปก่อนหลายประเทศทั่วโลก
ข้อมูลจาด Yaniv Erkich และ Ido Irani วิเคราะห์จำนวนการติดเชื้อโควิด-19 ต่อประชากร 100,000 คน จำแนกตามช่วงอายุและจำนวนวัคซีนที่ได้รับ (ไม่ฉีดวัคซีน, 2 เข็ม และ 3 เข็ม) ตั้งแต่ธันวาคม 2563 เป็นต้นมา
พบว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้นดูจะลดโอกาสการเป็นโรคโควิด-19 ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้หากมองในแง่ดีจะพบว่า การที่ประชากรในประเทศฉีดวัคซีนมากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้จำนวนประชากรกลุ่มเสี่ยงลดลง และน่าจะบรรเทาการระบาดในภาพรวมได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการติดตามเรื่องระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และวางแผนเรื่องการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นระยะ
…สำหรับไทยเรา
เน้นย้ำว่า อย่าประมาท เพราะยังไม่ถึงเวลาสรุปประเมินเรื่องอัตราตายของสายพันธุ์โอไมครอน และแม้อัตราตายจะน้อยกว่าเดิม หรือป่วยรุนแรงน้อยกว่าเดิม แต่หากแพร่เร็วขึ้นมากจนทำให้คนติดเชื้อมากขึ้นอย่างมากทั้งคนฉีดวัคซีนครบ ไม่ครบ หรือยังไม่ได้ฉีดก็ตาม ผลกระทบในแง่จำนวนคนนอนโรงพยาบาลและจำนวนผู้เสียชีวิต แบบ absolute numbers จริงนั้นก็จะมากกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้าที่รุนแรงกว่าแต่แพร่น้อยกว่าก็ได้
…In certain circumstances, the substantial increase in transmission could cancel out the decrease in severity…
การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด เป็นกิจวัตร เป็นสิ่งจำเป็น ใส่หน้ากากนะครับ เว้นระยะห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร ด้วยรักและห่วงใย