วันพุธ, พฤษภาคม 1, 2024
หน้าแรกHighlightโควิดเริ่มขาลง“หมออุดม”หนุนรัฐปลดล็อก-ฟื้นเศรษฐกิจประเทศ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

โควิดเริ่มขาลง“หมออุดม”หนุนรัฐปลดล็อก-ฟื้นเศรษฐกิจประเทศ

“หมออุดม” ระบุโควิดในไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงและดีกว่าที่คาดการณ์ เตรียมเสนอผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศเริ่ม 1 พ.ค.นี้ ฟื้นเศรษฐกิจประเทศ เตือนผู้ปกครองพาลูกหลานไปฉีดวัคซีนก่อนเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมศบค. นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ  ว่า  เราต้องดูสถานการณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่ายอดผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ ปรากฏว่าประชาชนให้ความร่วมมือดีมาก ตอนนี้จึงต่างจากที่คาดการณ์ไว้เยอะ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จากการตรวจ RT-PCR อยู่ที่ 21,000 ราย หากรวมกับการตรวจเชื้อด้วยชุดเอทีเค จะอยู่ที่ 40,000-50,000 ราย

นพ.อุดม  กล่าวต่อว่า  เราเคยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้หลายเท่า แต่ปรากฏว่าไม่ขึ้น อีกทั้งเรามีผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ 190,000 ราย แสดงว่าอาการของคนไข้ไม่ได้หนัก คนไข้ที่ต้องใช้เตียงผู้ป่วยที่มีอาการระดับสีเหลืองและผู้ป่วยที่มีอาการระดับสีแดง รวมกันใช้ไป 25 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเตียงทั้งหมด ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยรวมจึงอยากสรุปว่า คนไข้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ได้มากขึ้น และลดลงด้วย ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์หลังจากเทศกาลสงกรานต์ จึงคิดว่าแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้

นพ.อุดม กล่าวอีกว่า ส่วนที่ยังมีความกังวลเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันที่มีประมาณ 120 ราย ตนอยากให้ดูตัวเลขกันใหม่ เพราะถ้าเทียบกับจำนวนผู้ป่วยหนักที่ต้องเข้าโรงพยาบาล อยู่ที่ 0.29 เปอร์เซ็นต์ หากนับผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดอยู่ที่ 0.67 เปอร์เซ็นต์  เมื่อเทียบกับทั่วโลกเรายังต่ำกว่าเขา จึงเป็นช่วงขาลง และลงเร็วกว่าที่เราคิด  แต่หากจะให้แน่นอน ต้องรอให้ถึงสิ้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ถึงต้นเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วง 14 วันหลังเทศกาลสงกรานต์ ที่พ้นระยะฟักตัว และเชื่อว่าตัวเลขไม่น่าจะขึ้นแล้ว

นพ.อุดม กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์โรคโควิด-19 อยู่ในช่วงขาลง เราต้องมานึกถึงเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของเราตอนนี้ฟื้นช้ากว่าประเทศอื่น และตนคิดว่าหากเราช้าไปอีก 1-2 เดือน ถือว่าเสียโอกาส แม้ที่ผ่านมาตนจะเน้นเรื่องสุขภาพเป็นหลัก แต่ตอนนี้ช่วงที่ไม่ได้มีผู้ป่วยมาก ประกอบกับคนไทยรู้จักระมัดระวังตัวเอง จึงคิดว่าทุกอย่างต้องผ่อนคลาย เพราะรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่กังวลคือ จะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนในเดือนพ.ค.นี้  แต่การฉีดวัคซีนในเด็กทำได้เพียงครึ่งหนึ่ง ตนคิดว่าเราไม่ควรมานั่งปิดโรงเรียน ต้องเปิดเรียนแบบปกติ มิฉะนั้นเด็กจะเสียโอกาส เพียงแต่ขอร้องให้ผู้ปกครองพาเด็กไปฉีดวัคซีนเพราะสามารถป้องกันอาการรุนแรงได้จริง ตัวเองให้ดีที่สุด และโรงเรียนต้องพยายามทำมาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้งให้ดีที่สุด

หากจะเปิดทุกอย่าง สิ่งที่กังวลคือคนที่จะเจ็บป่วยรุนแรง ตอนนี้เรามียาตัวใหม่ที่จะได้ผลจริง คือยาโมลนูพิราเวียร์ และยาแพ็กซ์โลวิด  ตอนนี้ ตนกำลังกระตุ้นให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งนำเข้ามาให้ได้โดยเร็ว เพราะสามารถช่วยคนในกลุ่ม 608 ดีกว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ขณะนี้อนุมัติหลักการไปแล้ว แต่กระบวนการช้า ส่วนยาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long- Acting Antibody – LAAB) สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถกระตุ้นภูมิด้วยวัคซีนได้ ว่าอยากให้ทำความเข้าใจว่า ใช้ประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ไม่ได้เข้ามาแทนวัคซีน ไม่คุ้มค่า แต่ได้ประโยชน์ในกลุ่มคนที่กระตุ้นภูมิไม่ขึ้น

นพ.อุดม กล่าวว่า วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะเสนอผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ โดยเริ่มวันที่ 1 พ.ค.นี้ หากฉีดวัคซีน 3 เข็มจะให้ตรวจด้วยชุดเอทีเค 1 ครั้ง ภายใน 24 ชั่วโมง กรณีที่ฉีดไม่ครบ 3 เข็ม ให้กักตัว 5 วัน และสังเกตตัวเองต่ออีก 5 วัน ส่วนกรณีที่ไม่ฉีดวัคซีนเลย ให้กักตัว 14 วัน นอกจากนี้จะเสนอที่ประชุมศบค. พิจารณาลดหรือเลิกวงเงินประกันสุขภาพสำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งต้องรอดูว่าที่ประชุมจะอนุมัติหรือไม่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img