“พิธา” จี้รัฐบาลอธิบาย ทำไมออกมาตรการ “กลับไปกลับมา” อาทิตย์ก่อนบอกคลายล็อค แต่เมื่อคืนกลับมาล็อคอีกครั้ง ชง 2 เงื่อนไขเร่งเยียวยาตัวบุคคลและธุรกิจอย่างไร้เงื่อนไข พร้อมเร่งหาวัคซีนมีคุณภาพให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ขณะที่ “จิรายุ” ผสมโรงฉะคิดได้ไง สั่งปิดแคมป์คนงาน ทำผึ้งแตกรัง
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.64 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นว่า…“ผมขอเสนออีกครั้งว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องทำวันนี้ก็คือ
1) ออกมาอธิบายว่า “ทำไม” มาตรการถึง “กลับไป กลับมา” และ “ฉับพลัน” แบบนี้ ไม่ใช่เอาแต่ “สั่ง” เพราะประชาชนคือเจ้านาย ไม่ใช่พลทหาร
– อธิบายตั้งแต่ ทำไมจะเปิดประเทศภายใน 120 วัน
– อธิบายว่าอาทิตย์ที่แล้ว ทำไมคลายล็อค
– อธิบายว่าเมื่อคืน ทำไมล็อคอีกครั้ง
– อธิบายว่าทำไมต้องฉับพลัน ไม่ให้เวลาหมุน stock กลับไปเป็นเงินสดเลย
2) ต้องเร่งเยียวยา 100% อย่างไร้เงื่อนไข ใน 2 ระดับ
2.1) ระดับบุคคล ในฐานะพลเมืองไทย
– ชดเชยเป็นเงินสด
– ทำ Government kitchen, food bank, food drive และ food stamp ทุกเขต ช่วยเหลืออาหาร น้ำ และ ยา ให้คนที่ยอมเสียสละ Lock down
– ลดค่าไฟ ค่าน้ำ ชะลอหนี้ ( expense & debt holiday)
2.2) ระดับธุรกิจ
– ชดเชยค่า stock, ช่วยค่าคนงาน, ช่วยค่าเช่า
– รัฐบาลต้องมาเป็นคน จ้าง รับซื้อ วัตถุดิบ สินค้า ข้าวกล่อง จากร้านอาหารที่ปรับตัว delivery ไม่ได้เสียเอง ช่วยหมุนเงินคืนให้ SMEs แล้วกระจายส่งให้คนที่ยอมเสียสละล็อคดาวน์ตามชุมชนต่างๆ ทั่วพื้นที่ (govt food drive)
– ออกมาตราการยกเว้นภาษีให้เจ้าของที่ดิน เจ้าของอาคาร ที่ลดค่าเช่าให้ร้านอาหาร สามารถมาลดภาษีได้ที่หลัง จูงใจให้ลดค่าเช่า (rent freeze)
– ลดค่าไฟ ค่าน้ำ ชะลอหนี้ (expense & debt holiday)
3) รัฐบาล ล็อคดาวน์คลัสเตอร์ไหน ก็อนุมานได้ว่าคลัสเตอร์นั้นมีความเสี่ยง รัฐบาลล็อคดาวน์ให้ไม่เสียของ ต้องปูพรมตรวจด้วย Antigen Rapid Test บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อแยกตัวออก และลดความทวีคูณของการติดเชื้อ
4) เร่งหา วัคซีนคุณภาพ อย่างน้อย 100,000 แรก ให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโดยด่วนผ่านสถานทูตสหรัฐอเมริกา ถ้าปราการด่านสุดท้ายพังทลายลง ประเทศเราจะพังทั้งประเทศ พวกเขาเสียสละเพื่อพวกเรามามากแล้ว เราต้องเสียสละให้พวกเขาก่อน
ทั้งหมดนี้อย่างไรเราต้องหวังว่า สิ่งที่ผมแนะนำไปว่ารัฐควรทำจะเกิดขึ้นได้ ท่ามกลางความจริงอันโหดร้ายว่า รัฐบาลไทยไร้น้ำยา ไร้ความสามารถ และไม่เห็นหัวประชาชน”
ขณะที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงมาตรการปิดแคมป์คนงาน 1 เดือน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า ตนไม่คิดว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาแบบนี้ เพราะการแก้เรื่องหนึ่ง เพื่อให้ไปเกิดอีกปัญหาหนึ่ง ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย คนงานหยุดงานเป็นเดือน ไม่มีงานให้ทำ ใครมันจะนอนอยู่ในแคมป์ แถมสั่งปิดเหมือนบอกให้รีบหนี เพราะประกาศวันศุกร์ให้มีผลวันจันทร์ ตนไม่ทราบว่าได้คิดบ้างหรือไม่ว่าอะไรจะตามมา คนในศบค.ก็คงคิดว่า ในแคมป์งานก่อสร้างมีแต่แรงงานของบริษัทที่เป็นผู้รับเหมากินเงินเดือนกับบริษัท จึงสั่งการให้ปิดแคมป์แล้วให้ประกันสังคมไปดูแลแรงงานเหล่านี้ทั้งๆ ที่แรงงานแบบรายวันก็ถูกปิดไปด้วย
นายจิรายุ กล่าวว่า พื้นที่คลองสามวา มีคนงานรายวันเป็นพัน ซึ่งผู้บริหารอยู่แต่บนหอคอยในแคมป์งานก่อสร้าง มีทั้งคนงานของผู้รับเหมาหลัก และยังมีผู้รับเหมารายย่อยที่ตัดงานมาทำ แยกงานรับเหมายิบย่อยกันหมด โดยเขารับเงินค่าจ้างเป็นเงินสดรายวัน ไม่อยู่ในประกันสังคม พอหยุดงานเป็นเดือน ไม่มีงานให้ทำ แทนที่จะทำการตรวจและรักษาแบบบับเบิ้ลแอนด์ซีล ป้องกันโควิด-19 ระบาด กลับไปสั่งการให้ผึ้งแตกรัง สรุปมาตรการจริงๆ ของรัฐบาล คือ ผลักให้คนงานในกทม. แตกฮือออกไปต่างจังหวัด แล้วเอาเชื้อไวรัสคลัสเตอร์แคมป์คนงานไปแจกจ่ายกันให้ทั่วถึงกันทั้งประเทศ ถ้าติดเชื้อก็โยนไปให้ระบบสาธารณสุขของต่างจังหวัดรับไป เพราะระบบสาธารณสุขของกทม.รับไม่ไหว แทนที่ผู้นำประเทศจะฟังหมอที่มีความรู้ แต่กลับทำแบบนี้
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า จังหวัดที่เป็นสีเขียว ปลอดคนติดเชื้อรายใหม่มาเป็นเดือน ก็จะได้รับไวรัสจากคนงานก่อสร้างกทม.ที่หนีกลับบ้าน และคราวนี้ก็จะต้องเตรียมรับมือการระบาดอีกรอบทั่วประเทศ ซึ่งจะใหญ่กว่าทุกรอบที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าที่พบในแคมป์คนงานในกทม. กระจายตัวแพร่ติดต่อได้เร็วกว่า 1.5 เท่าตัวของเชื้อเดิม และวัคซีนซิโนแวคที่ระดมฉีดให้หมอและพยาบาลและเจ้าหน้าที่การแพทย์ต่างๆ รวมถึงตำรวจและทหารใน ต่างจังหวัดไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อตัวนี้ได้ วันนี้คนไทยฝากชีวิต 70 ล้านคนไว้กับวิธีคิดแบบนี้ได้อย่างไร ประเทศเราจะต้องมีจุดจบแบบไหนถึงจะพอใจผู้บริหารประเทศ.
