วันจันทร์, เมษายน 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSหยิบยกถกเล่าข่าวสาร “วงการสงฆ์” ในรอบสัปดาห์
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หยิบยกถกเล่าข่าวสาร “วงการสงฆ์” ในรอบสัปดาห์

หากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ “ข่าวสาร” ที่เกี่ยวข้องกับ พระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลากหลายเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุสงฆ์

เรื่องแรกที่ร้อนแรงและกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจต่อสังคมเป็นอย่างมากนั่นคือ การมีพระภิกษุสงฆ์กลุ่มหนึ่งเหมือนนั่งร่วมวงเล่นการพนัน ซึ่งตอนหลังสังคมทราบแล้วว่าเหตุเกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ ณ จังหวัดเชียงราย

เรื่องนี้สังคมคนกรุงเทพ คนเมือง เห็นภาพแบบนี้แล้ว “กรี๊ด” เสมือนพระภิกษุสงฆ์เหล่านั่น “เหยียบย่ำหัวใจ” ของความเป็น “ชาวพุทธ” ของตนเอง ซึ่งเสมือนตนเองเป็น “ผู้เคร่งครัด” ศาสนาเต็มประดา ทั้งๆ ที่ชีวิตคนกรุงเทพ คนเมือง ส่วนใหญ่ ยุคนี้มัวเมาอยู่กับสิ่ง “โสโครก” เต็มไปด้วยสังคมคน “ทุศีล” ทุกหย่อมหญ้า ที่พูดมานี้ไม่ใช่เห็นด้วยกับ “พฤติกรรม” ของพระภิกษุสงฆ์ในกลุ่มดังกล่าว..แต่รู้สึก “มันเขี้ยว” กับความรู้สึกของคนเมืองเหลือหลาย

ความจริง..สังคมพระแถวภาคเหนือ ภาคอีสาน หรือแม้กระทั่งภาคใต้แถวๆ ชนบท “วิถีชีวิต” แบบนี้หลายพื้นที่มักมีพระสงฆ์แวะไปเยือนเป็นประจำ โดยเฉพาะ “งานศพ” ตอนหลังมานี้อาจรวมไปถึง “งานวัด” ที่ถูก “นายทุน” นักจัดอีเว้นท์รับเหมาแทคโอเวอร์จัดงานประเภท 3 วัน 3 คืน การมีการละเล่นการพนันแบบนี้ แม้จะไม่มีทุกพื้นที่ แต่บางพื้นที่อาจมีโดยการลักลอบ “เจ้าหน้าที่บ้านเมือง” เล่นบ้าง-ลักลอบ “เจ้าอาวาส” เล่นบ้าง แต่โชคดีภาพที่ปรากฎเหตุเกิด ณ ประเทศเพื่อนบ้าน แม้ไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตามทีเถอะ!!

พระคุณเจ้าในภาพก็เหลือเกิน เป็นถึงพระเถระระดับเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล บางรูปตามข่าวเป็นถึงเลขารองเจ้าคณะภาค “ปล่อยตัว” ไปร่วมวงในที่สาธารณะ พวกท่านไว้วางใจ “สังคม” คนรอบข้างได้อย่างไร “ปัญญาช่างน้อยนัก”..

ส่วน “คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย” ด้านหนึ่งได้ใจ “ชาวพุทธ” เพราะแก้ปัญหาได้ทันควัน คือ ปลด ไล่ออก จากวัด จากจังหวัด..แต่ถามว่า..แรงเกินไปไหม เป็นไปตามพระวินัยหรือไม่??

“ชาวพุทธ” เราบางคนก็ศึกษา “พระวินัย” มาน้อยเรื่องนี้แค่นี้จะ “จับสึกพระ” ให้ได้ ความจริงเรื่องนี้ แค่ “ลหุกาบัติ” คืออาบัติเบาต้อง “นิสสัคคิยปาจิตตีย์” แต่ที่มีปัญหาคือเป็น “โลกวัชชะ” แค่นั้น

คณะสงฆ์เวลา “คนของตนเอง” เกิดปัญหา ต้องคำนึงถึง “พระวินัย” เป็นอันดับแรก ส่วน “กฎหมาย” ต้องมาที่หลัง อย่าบ้าจี้ตามกระแสสังคม บางแห่งเจ้าคณะปกครอง “จับสึก” โดยที่ไม่คำนึงถึงพระวินัย

สถานบันสงฆ์อยู่ได้ เพราะ “พระวินัย” มิใช่อยู่ได้เพราะ กฎหมาย ตำแหน่งทางปกครอง หรือ สมณศักดิ์

ส่วนอีก 2-3 เรื่อง เรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ทั้งเรื่องคำประกาศของ “เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี” ว่าด้วย คุณวุฒิของผู้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆาธิการจังหวัดราชบุรี ที่หลายคนมองว่าเจ้าคณะจังหวัด “ไม่มีอำนาจ” เพราะมันเป็น “อำนาจ” ของมหาเถรสมาคม ที่จะออก “คำประกาศ” เหล่านี้ แม้ท่านจะอ้างเพิ่มเติมจาก กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ก็ตามทีเถอะ

เรื่องนี้ทางที่ถูก พระคุณเจ้าควร “พูดปากเปล่า” รู้กันภายในจังหวัดก็พอ และเป้าหมายการศึกษา “ป.บส.”  ยุค “สมเด็จพระพุทธชินวงศ์” อดีตเจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติและเจ้าคณะใหญ่หนกลางนั้น ท่านต้องการให้บรรดาเจ้าอาวาสมาเรียนเสริมเพื่อเป็น “บันได” ศึกษาต่อใน มจร เท่านั่น เหมือนเรียน กศน.ให้จบ ม.6 แล้วต่อปริญญาตรี ฉะนั้นแล!!

และบัตรสนเท่ห์ที่เขียนโจมที่พระคุณเจ้า “ที่ว่อน” อยู่ในการประชุมพระสังฆาธิการ ณ วัดไร่ขิง ต้นเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากคำประกาศนี้ รวมทั้งประเด็นอื่นๆ ตอนนี้ “สายข่าว” ของท่านคงแจ้งแล้วว่าใครทำและมีข้อความอะไรบ้าง..เจ้าคณะภาค รองเจ้าคณะภาคต้อง “ห้ามทัพ” ห้ามศึกอย่าให้บานปลาย!!

อีกประเด็นหนึ่ง “สำคัญ” พวกเราคนวัด มักเตือนตัวเองและคนรอบข้างอยู่เสมอๆ ว่า “ศัตรูของพระ” ที่ทำลายพระได้ขั้นถึงขั้น “ปาราชิก” ขาดจากความเป็นพระ ซึ่งเป็นอาบัติ มีโทษสูงสุดของพระภิกษุมี 4 ข้อ ใน 4 ข้อนั่น “สตรีและสตางค์” เป็นสิ่งที่พระภิกษุเราควรระวังมากที่สุด เพราะหากมันเกิดแล้ว..แก้ยาก

โดยเฉพาะ “สตรี” บางรูปถึงขนาดต้อง “ฆ่าตัวตาย” เพื่อตัดปัญหา เพราะมัน “ทวงเงิน” ทุกเดือน

พูดถึง “วิทยาลัยสงฆ์” แห่งหนึ่งในแถวภาคกลาง มีข่าวว่าจะเกิดเหตุฟ้องร้องเรื่องเงิน “ทอดผ้าป่า” ที่ได้มากว่า 10 ล้าน ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อมาสร้างอาคารวิทยาลัยสงฆ์ แต่ “คนคุมเงิน” ถูกกล่าวหาว่า “ซ่อนเร้น” ไม่แจ้งต่อ “ลูกน้อง-ลูกศิษย์” ว่า ตอนนี้เงินอยู่ไหน มีอยู่จริงหรือไม่ ทำไมไม่สร้างต่อ..จึงเกิดกรณีขีดเส้นตาย ทวงเงินผ่านสื่อขึ้น!!

“เปรียญสิบ” ขอให้พระคุณเจ้าทั้งคนคุมเงินและบรรดาลูกน้อง ลูกศิษย์ ให้คุยกันภายใน “ทุกปัญหา” มันมีทางออก หากต่างคนต่างคุย ต่างคนต่างคิดว่าแน่..สุดท้ายเชื่อเถอะ..ความเป็นพระภิกษุในประเทศไทย ที่คิดว่าแน่  “ไม่รอดสักราย” เรื่องนี้อย่าให้ถึง ปปช. อย่าให้ถึง ศาล นอกจาก “ขายขี้หน้า” ความเป็นพระที่สังคมเชื่อมั่นอยู่บ้างว่าเป็น “สุจริตชน” ยังได้สร้างความ “เสื่อมเสีย” ให้วงการพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาด้วย..

เรื่องสุดท้าย..เป็นเรื่องดี เหตุเกิด ณ วัดจากแดง จังหวัดสมุทรปราการ มีกลุ่มพระสงฆ์หลายประเทศ รวมตัวกันตั้งสมาคมขึ้นสมาคมหนึ่งชื่อว่า “สมาคมติปิฏกาลังการะ” พระสงฆ์กลุ่มนี้ถือว่าเป็น “นักปฎิวัติ” การศึกษาของคณะสงฆ์ไทยเลยก็ว่าได้ หากทำได้ที่วางเป้าหมายไว้คือเรียน “พระไตรปิฎก” เพียวๆ หลักสูตร 3-5 ปี  ต้นคิดส่วนหนึ่งน่าจะมาจากสาย “วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส” นครปฐม ส่วนรายละเอียดไม่ทราบแน่ชัดว่า “วัตถุดิบ” คือ คนเรียนมาจากไหน วุฒิการศึกษา หลักสูตร มหาเถรสมาคมรับรองหรือรัฐบาลรับรอง

แต่เชื่อเถอะประเทศไทย ปัญหา “วิกฤติการศึกษาสงฆ์” ยุคนี้ หรือแม้กระทั้งมหาวิทยาลัยฆราวาส “วัตถุดิบ” คือคนที่จะมาเรียนสำคัญที่สุด “หากยากที่สุด” ไม่เชื่อลองไปดูคณะพุทธศาสตร์ มจร บางสาขาต้อง “ยุบทิ้ง” หรือแม้กระทั้ง “บาฬีศึกษาพุทธโฆส” ผอ.วิทยาเขตรูปปัจจุบัน ทั้งหาวัดให้ ทั้งให้ทุนเรียนฟรีตลอด 4 ปี นักศึกษามาเรียนนับหัวได้ ข้ามที่ “มหา​วชิราลงกรณ​บาลี​เถรวาท​ราชวิทยาลัย” สถานที่ปั้น “สามเณร” หาสามเณรมา 2-3 ปีตอนนี้จำนวนสามเณรถึง 100 รูปแล้วหรือยัง วิกฤติสามเณร วิกฤติศาสนทายาทไม่ถึง 20 ปี ประเทศไทยอาจมีสามเณรไม่ถึง 10,000 รูป ขณะที่สามเณรตอนนี้ทั่วประเทศเหลืออยู่แค่ 30,000 กว่ารูป

วันนี้ “เปรียญสิบ” มาเล่าแบบสรุป “ข่าวสาร” ความเคลื่อนไหวในสังคมสงฆ์ในรอบสัปดาห์แบบ “เล่าสู่กันฟัง” หนักบ้าง เบาบ้าง เพื่อให้สาธุชนได้รับรู้เหตุการณ์การคณะสงฆ์.

…………..

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

โดย…“เปรียญสิบ”: riwpaalueng@gmail.com

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img