วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“พปชร.”เล่นบทท้าทาย“นายกฯลุงตู่” ขอ“เลือก รมต.''เอง แลกยกมือหนุน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พปชร.”เล่นบทท้าทาย“นายกฯลุงตู่” ขอ“เลือก รมต.”เอง แลกยกมือหนุน

ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย กับสภาพความปั่นป่วนและวุ่นวาย ที่เกิดขึ้นกับ “พลังประชารัฐ” (พปชร.) ในฐานะ พรรคร่วมรัฐบาล

หลัง “ศาลชั้นต้น” มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ก.พ.64 ในคดี คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กลุ่มกปปส.)ร่วมการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2556-2557 หมายเลขดำ อ.247/2561

ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ลุงกำนัน-สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวก รวม 39 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมทำให้เกิดการวุ่นวายฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ


คดีนี้ศาลอาญาได้ตัดสินจำคุกอดีตแกนนำกปปส.หลายคน โดยเฉพาะบุคคลที่ร่วมทำงานกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไล่ตั้งแต่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (เอ็มดีเอส ) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) และ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม

ซึ่งวันนี้บุคคลทั้งสามต้องกลายเป็นบุคคลธรรมดา ต้องหลุดจากตำแหน่งทางการเมือง ตามที่รัฐธรรมนูญ (รธน.) 2560 มาตรา 160(7) บัญญัติ “คุณลักษณะต้องห้าม” เอาไว้

นั่นหมายความ กระบวนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องเดินหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จะทอดเวลา ในการเปลี่ยนตัวบุคคลในฝ่ายบริหาร ไม่อยากใช้เงื่อนเวลาหลังศึกซักฟอก มาทำให้เกิดการปรับเปลี่ยน แต่เมื่อเกิดปัญหาระดับรัฐมนตรีว่าการ หลุดออกจากตำแหน่งถึง 2 คน เลยจำเป็นต้องเร่งกำจัดจุดอ่อน เพื่อเพิ่มจุดแข็ง เพราะไม่เช่นนั้น อาจกระทบกับการทำงานของรัฐบาล แม้จะมอบหมาย ให้รัฐมนตรีบางคนรักษาการแทน ในตำแหน่งที่ว่างลงก็ตาม

cr / www.thaigov.go.th

               

แต่ที่น่าสนใจและกลายเป็นประเด็นร้อนเกิดขึ้น คือความเคลื่อนไหวส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลได้ส่งสัญญาณไปถึง นายกฯลุงตู่ ขอให้แต่งตั้ง บุคลากรในพรรค เข้ามาทำหน้าที่ในครม. ซึ่งถือเป็นการแสดงจุดยืนในห้วงเวลาสำคัญ หลังจากที่ผ่านมา ไม่มีสมาชิกพปชร.กล้าออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้

ขณะที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ในฐานะ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ออกมายอมรับว่า เอกสารล่ารายชื่อส.ส.พปชร.ถึงนายกรัฐมนตรี ผ่าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรค พปชร. คัดค้านนำคนนอกมาเป็นรัฐมนตรีเป็นของจริง ซึ่งร่วมกันเซ็นขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ระหว่างมีการประชุมที่รัฐสภาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) ในวาระที่ 2

โดยขณะนั้นมี ส.ส.พรรคอยู่กันเกือบครบ ซึ่งตนทำหน้าที่เป็น ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) แต่ระหว่างนั้นก็มีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นกับ 2 รัฐมนตรีของพรรค ทุกคนก็ช็อกทั้งหมด มีหลายคนมาถามตนว่าจะทำอย่างไรต่อไป

“ทุกคนก็ถามว่า ทำไมไม่มาคัดเลือกจากคนใน แล้วเราจะนั่งกันอยู่เฉยๆ หรือไม่ ผมก็บอกว่าแล้วแต่ ถ้าทุกคนเห็นพร้อมใจกันก็ทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคเลย ทุกคนก็ทำหนังสือมา แต่วันนี้เอกสารยังไม่ได้ส่งไปไหนเลย อยู่ในมือผมนี่แหละ เซ็นชื่อมาแล้ว 90 รายชื่อ ภายใน 1 ชั่วโมง แต่ในหนังสือไม่ได้มีคำอะไรที่จะไปคาดคั้น เพราะเราทำไปได้แค่ไหนเราก็ทำ”นายวิรัชกล่าว

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวอีกว่า ช่วงเย็นวันที่ 25 ก.พ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ได้บอกว่าในสัปดาห์หน้าจะประชุมกรรมการบริหารพรรค และต่อด้วยการประชุมพรรคด้วย บอกพวกเราทุกคนใจเย็นๆ แค่นั้นก็จบ ซึ่งเชื่อว่าหัวหน้าพรรคคงรับทราบเรื่องเอกสารแล้ว จากทางสื่อช่วง 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ ซึ่งหัวหน้าพรรคเป็นคนใจเย็นและอารมณ์ดี ก็บอกแค่ว่าสัปดาห์หน้าไปประชุมพรรค ส่วนหนังสือจะมอบให้หัวหน้าพรรคตอนไหน ขอเงียบไว้ก่อนดีกว่า

เมื่อถามว่า พปชร.ปัดกดดันนายกฯ นายวิรัชกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ถือว่าทำ เป็นลักษณะที่ไม่ได้กดดัน เพราะทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคกราบเรียนนายกฯ ไปตามขั้นตอน แต่ก็ไม่คิดว่าหนังสือจะหลุดออกมา ซึ่งไม่ว่าการปรับ ครม.จะเป็นอย่างไร พวกตนก็รับสภาพมาตลอดอยู่แล้ว แต่เราทำไปเพียงความรู้สึกที่ออกไป

สำหรับเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาระบุว่า ขอมอบอำนาจให้หัวหน้าพปชร.คัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง หัวหนังสือกราบเรียนถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านหัวหน้าพปชร. ระบุด้วยข้าพเจ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพปชร. ที่ลงรายชื่อท้ายหนังสือนี้ มีความประสงค์ขอมอบอำนาจให้ท่านหัวหน้าพรรคคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง หากท่านหัวหน้าพรรค ได้เลือกบุคคลใดให้เป็นรัฐมนตรี ให้ถือเป็นเด็ดขาด และให้ถือว่า ส.ส.พรรค พปชร.ที่ลงลายมือชื่อนั้นได้เห็นชอบด้วยทุกประการ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา


          

FB เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี

มีรายงานว่า รายชื่อ ส.ส.พรรค พปชร.ทั้ง 90 คน ถูกส่งถึงพล.อ.ประวิตรแล้ว โดยมี ส.ส.กลุ่มสามมิตรไม่ได้ร่วมลงชื่อ 9 คน จาก 18 คนในกลุ่ม ขณะที่ 6 ส.ส.กลุ่มดาวกฤษ์ร่วมลงชื่อเพียง 2 คน ที่เหลือรวมถึง น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้ลงชื่อ อย่างไรก็ตาม การลงชื่อครั้งนี้ไม่มีการลงชื่อของรัฐมนตรีของพรรค

อย่างไรก็ดี การล่าชื่อ ส.ส.พรรค พปชร.ครั้งนี้ ได้เกิดแรงกระเพื่อม ภายในพรรคแบ่งเป็น 2 ฝ่าย โดยกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการล่ารายและไม่ร่วมลงชื่อด้วย ระบุว่าฝ่ายที่ทำการล่ารายชื่อ ได้อ้างชื่อหัวหน้าพรรคเป็นคนสั่ง โดยหัวหน้าพรรคไม่ได้รู้เรื่องด้วย จากเหตุดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่กลุ่มที่ล่ารายชื่อระบุว่า ที่ทำไม่ได้มีอะไรซ้ำซ้อน

ต้องการแสดงจุดยืนของพรรคในการค้านคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี “พล.อ.ประวิตร” ทราบเรื่องแล้ว ไม่มีการตำหนิ ส.ส.แต่อย่างใด และสนับสนุนคนในพรรคเพื่อเอามาช่วยงาน หากตั้งคนนอกเข้ามา มีข้อเสียคือไม่ช่วยงานพรรค  

คำถามคือ อะไรเป็นสาเหตุสำคัญกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ของส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลเกือบร้อยชีวิต ทั้งๆ ที่ผ่านมา “พล.อ.ประวิตร” มักจะโยนว่า การปรับครม. หรือการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายบริหาร เป็นอำนาจของนายกฯ หรือเป็นเพราะว่า ส.ส.พปชร.ต้องการแสดงพลังให้หัวหน้ารัฐบาล ในช่วงเหลือระยะเวลาอีก 2 ปีก่อนสภาฯจะหมดวาระ ให้รับรู้ว่านายกฯจะใช้อำนาจตามอำเภอใจ โดยไม่ฟังเสียงใครไม่ได้

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่จัดตั้ง รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้ารัฐบาลได้กันตำหน่งไว้เป็นโค้วตาตัวเอง ประกอบด้วย รมว.กลาโหม, รมว.มหาดไทย, รมว.ต่างประเทศ และ รมว.พลังงาน โดยเฉพาะกระทรวงหลัง เป็นที่หมายปองของนักการเมืองหลายคน แต่ในที่สุดหัวหน้ารัฐบาลก็มอบให้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตผู้บริหารบริษัทในเครือปตท. เข้ามาดูแลกระทรวงพลังงาน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้ แกนนำพปชร.

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ 

ยิ่งมีเสียงสะท้อนมาจาก ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลหลายคน เวลาต้องการขอความช่วยเหลือ “นายสุพัฒนพงษ์” ในรูปต่างๆ มักได้รับการปฎิเสธและถูกเมินเฉย เช่นเดียวกับสมัย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่งรมว.พลังงาน และเป็นเลขาธิการพรรคพปชร. ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกพปชร. อันเนื่องจากไม่สนใจดูทุกข์เพื่อนร่วมพรรคเดียวกัน

ยิ่งมาถึงวันนี้ ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาลหลายคน มองว่า ผู้มีอำนาจดูแล กระทรวงพลังงาน น่าจะนำงบประมาณ กองทุนอนุรักษ์พลังงาน มาใช้ประโยชน์ เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง แต่ นายสุพัฒนพงษ์ กลับไม่สนใจ ไม่ให้การสนับสนุน ไม่ให้ความสำคัญการร้องของส.ส. พรรคแกนรัฐบาล

ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับส.ส. พปชร. และมองว่า การดึงคนนอกเข้ามากินโควต้า รับตำแหน่งทางการเมือง  ไม่ได้สร้างประโยชน์ไม่ได้สร้างคะแนนเสียง สร้างความนิยมให้กับพรรค พอพ้นตำแหน่งก็ทิ้งพรรค เลยต้องเคลื่อนไหวกดดันผ่านไปทางพล.อ.ประวิตร

นอกจากนี้ยังมีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการกลับมารับตำแหน่งนายกฯ ภายหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งต้องอาศัยส.ส. เป็นฐานการเมือง แม้จะมีกองทัพให้การสนับสนุนก็ตาม ดังนั้นส.ส.พปชร.คงอยากวัดใจพล.อ.ประยุทธ์ อยากรู้ว่าจะคำนึงถึง ความรู้สึกนักการเมือง ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนประชาชนหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการสนองตอบในครั้งนี้ ในอนาคตอาจตัดสินไปทำงาน ร่วมกับพรรคอื่น เพราะต่อจากนี้ จะมีพรรคเกิดใหม่อีกหลายพรรค

จากนี้ไปต้องรอดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจอย่างไร กับโฉมหน้า บิ๊กตู่ 2/3 ยิ่งเพิ่งผ่านศึกซักฟอก ที่ต้องอาศัยเสียงส.สในสภาฯ อย่าลืม..ต่อให้มีความเก่งกาจขนาดไหน ก็ยังต้องพึ่งนักการเมือง โดยเฉพาะจาก พปชร. ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญ

………………………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก  

โดย …“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img